เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน เราได้เห็นการประชุมสภาฯ ถกกันเรื่องงบประมาณแผ่นดิน และเรื่อง แก้ปัญหาน้ำท่วม ถกเรื่อง งบประมาณ กินเวลาสองวัน ถกเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมไปอีกหนึ่งวัน ไม่พอยังเพิ่มอีกวันรวมสี่วันเต็ม ชาวบ้านต้องทนทุกข์น้ำท่วมบ้าน แล้วยังต้องมาทนฟัง นักการเมืองพ่นจนน้ำลายท่วมสภาฯ
ผมยอมรับว่าไม่ได้นั่งฟังแบบเกาะติดหน้าจอ เพราะฟังแล้วรู้สึกเบื่อพฤติกรรมของคนพวกนี้จริงๆ ต่างคนต่างก็ป้ายสีใส่กันสาดโคลนใส่กัน โบ้ยกันไปโบ้ยกันมาว่ารัฐบาลเป็นคนทำน้ำท่วม รัฐบาลเก่าทำน้ำท่วม วางยารัฐบาลใหม่ เถียงกันอยู่แบบนี้เป็นวันๆ
หลายเรื่องที่ฝ่ายค้านถาม ผมก็เห็นบรรดาท่านผู้รู้มากมายได้ตั้งคำถาม ถามไปหมดก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องเขื่อน ไม่ว่าจะเรื่องถุงยังชีพ และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับน้ำท่วม
เช่น สส. รังสิมา ที่เอาถุงยังชีพของรัฐบาลมาเปิดให้ดูกลางสภา ว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง ปลากระป๋อง ข้าวสาร บวกลบคูณหารออกมาได้ราคาเท่าไร แต่ภาครัฐก็เอาไปใส่มูลค่าว่าของทั้งหมดในถุงยังชีพ มูลค่า 500 บาท หรือ 800บาท นั้น ทั้งที่ราคาซื้อขายจริงต่ำกว่านั้นมาก
จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชาวเน็ตถกเถียงกันมามากแล้วละครับ และทุกคนก็ลงความเห็นและได้คำตอบชัดเจนว่า ยังไงของทั้งหมดนั้นมูลค่ารวมก็ไม่ถึง 500บาท หรือ800บาท แน่ๆ
จากคำชี้แจงของพลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก ผ.อ. ศปภ. ว่า ถุงยังชีพ มูลค่า 500 บาท นั้นประกอบไปด้วยค่าอะไรบ้าง รวมค่าขนส่งด้วย ผมก็มาสะดุดกับคำว่า ค่าอำนวยการ ค่าอำนวยการที่ว่านี้คืออะไรบ้าง ผมว่าต้องแจงให้ชัดเจน เพราะในเมื่อของที่ในถุงยังชีพส่วนมาก คือของที่ประชาชนบริจาค คนแพ็คของคืออาสาสมัคร และคนที่เอาของไปช่วยส่งหรือแจกจ่าย ถ้าไม่ใช่ทหาร ก็คือประชาชนผู้มีจิตสาธารณะ ไม่ใช่ว่าพวกคุณทำโดยใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกขั้นตอนซะหน่อย
หรืออย่าง สส. ท่านหนึ่งออกมาพูดเรื่องหอยลายกระป๋อง ราคาที่รัฐบาลบอกกับราคาตามท้องตลาดแพงกว่ากันถึง 6 บาท และเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีในถุงยังชีพก็ได้ ซึ่งมองในมุมว่าเป็นอาหารที่ทานง่ายก็ใส่เข้าไปในถุงยังชีพ แต่หากมองในมุมเรื่องของราคานั้น มันก็แพงกว่าท้องตลาดอยู่ดี
กรณีถุงยังชีพที่มีคนถกเถียงกันมาก ภายหลังได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ผลก็ออกมาตามคาด คือไม่มีผู้กระทำความผิด ไม่มีใครต้องรับผิดขอบเรื่องนี้แต่อย่างใด
ผลการตรวจสอบที่ออกมาบอกว่าไม่พบการทุจริตนั้น สำหรับประชาชนที่ติดตามข่าวสาร มันแสดงออกมาชัดแจ้งอยู่แล้วว่ามีการทุจริตแน่นอน แปลว่ารัฐบาลโกหก
เมื่อคืนวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา พลตำรวจเอกประชายังออกมาชี้แจงเรื่องของบริจาคจากต่างประเทศ ว่าประเทศใดให้อะไรมาบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องดีครับที่ชี้แจง
แต่ก็ทำให้ชาวบ้านมีข้อสงสัยอีกจนได้ว่า เครื่องสูบน้ำที่จีน และญี่ปุ่นบริจาคมา พลตำรวจเอกประชา ในฐานะ ผ.อ. ศปภ. ได้จัดส่งไปช่วยแก้น้ำท่วมที่ไหนบ้าง
ได้มาแล้วต้องบอกซิครับว่าเอาไปใช้ที่ไหนบ้าง หรือว่าท่านเอาไปวางตามบ้านของคนในรัฐบาลจนหมด เพราะยังไม่เห็นข่าวเครื่องสูบน้ำเหล่านี้เอามาช่วยแก้ปัญหาการระบายน้ำท่วมที่ใดเลย
ส่วนการถกเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม ผมว่ามันจะไม่ได้ผลเลยหากรัฐบาลไม่ยอมแก้ปัญหาอย่างจริงจัง การแก้ปัญหาอย่างจริงจังต้องใช้ทั้งสติปัญญาความรู้ ความสามารถ และความกล้าที่จะตัดสินใจ
การยอมรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่าย หากว่ามันจะแก้ปัญหาได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายหากจะนำไปปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นแล้วการอภิปรายในสภาฯ สองวันเต็มๆ เรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมก็สูญเปล่า ไม่ได้อะไรเลย
ถ้าบรรดาตัวแทนของปวงชนชาวไทยหาทางออกของปัญหาไม่ได้ ก็ควรเอาเงินเดือนของพวกท่านมาให้พี่น้องทหารจะดีกว่าไหมครับ เพราะคนเหล่านี้ทำงานหนักเพื่อประชาชน เงินเดือนก็น้อยกว่าพวกท่านตั้งเท่าไร แต่งานของพวกเขาเหนื่อยยากกว่าพวกท่าน คนเหล่านี้เสียสละช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านได้มากกว่าพวกท่านที่ใส่สูท นั่งรถหรูๆ ทำงานในห้องแอร์เยอะเลยนะครับ
เมื่อนายกฯยิ่งลักษณ์ใช้น้ำตาจระเข้แก้ปัญหาน้ำท่วม และนักการเมืองไทยใช้น้ำลายแก้ปัญหาน้ำท่วมสภาฯจนเน่าเหม็นไปทั่ว แล้วประชาชนจะหวังพึ่งใคร ในยามที่ชาวบ้านลำบากทั่วไปหมดค่อนประเทศแล้ว แต่คนเหล่านี้กลับทำได้แค่เพียงเท่านี้ ประชาชนคงได้แต่นั่งถอนหายใจยาวๆ นั่งดูบ้านตัวเองจมน้ำ แล้วรอรับเงินเยียวยา 5,000บาทจากรัฐบาล ทั้งที่มูลค่าความเสียหายมันสูงกว่านั้นมาก
น้ำลายท่วมสภาฯหนนี้ทำให้ประชาชนได้รู้ว่าอย่าหวังพึ่งรัฐบาล ในการให้ความช่วยเหลือ หรือการแก้ปัญหาน้ำท่วม เพราะ รัฐบาลพึ่งไม่ได้ ประชาชนต้องช่วยตัวเอง
น้ำอะไรก็ตามไม่ว่าจะน้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน น้ำอื่นๆอีกมากมาย ก็ยังน่ากลัวน้อยกว่าน้ำมือมนุษย์ ชั่วๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ที่พ่นน้ำลายอยู่ในสภาฯ เน่าเหม็นยิ่งกว่าน้ำเน่าที่ท่วมขังบ้านพ่อแม่พี่น้องอยู่ตอนนี้เสียอีกครับ
หลังจากการลงมติ ผ่าน พ.ร.บ. งบประมาณไปแล้ว นักการเมืองเลวๆนั่งในสภาฯไปก็น้ำลายฟูมปากไป รอคอยการจัดสรรงบฯมาให้งาบ
การทุจริตคอรัปชั่นจากงบประมาณของรัฐบาลและนักการเมืองไทยนั้น มูมมามน่ารังเกียจที่สุดแล้ว แต่การทุจริตคดโกงข้าวของและเงินบริจาคจากน้ำใจประชาชน ในยามที่ชาวบ้านเดือดร้อนแสนสาหัสจากน้ำท่วมนั้น น่ารังเกียจน่าขยะแขยงมากยิ่งกว่าหลายเท่า จริงไหมครับ พ่อแม่พี่น้อง
ผมยอมรับว่าไม่ได้นั่งฟังแบบเกาะติดหน้าจอ เพราะฟังแล้วรู้สึกเบื่อพฤติกรรมของคนพวกนี้จริงๆ ต่างคนต่างก็ป้ายสีใส่กันสาดโคลนใส่กัน โบ้ยกันไปโบ้ยกันมาว่ารัฐบาลเป็นคนทำน้ำท่วม รัฐบาลเก่าทำน้ำท่วม วางยารัฐบาลใหม่ เถียงกันอยู่แบบนี้เป็นวันๆ
หลายเรื่องที่ฝ่ายค้านถาม ผมก็เห็นบรรดาท่านผู้รู้มากมายได้ตั้งคำถาม ถามไปหมดก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องเขื่อน ไม่ว่าจะเรื่องถุงยังชีพ และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับน้ำท่วม
เช่น สส. รังสิมา ที่เอาถุงยังชีพของรัฐบาลมาเปิดให้ดูกลางสภา ว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง ปลากระป๋อง ข้าวสาร บวกลบคูณหารออกมาได้ราคาเท่าไร แต่ภาครัฐก็เอาไปใส่มูลค่าว่าของทั้งหมดในถุงยังชีพ มูลค่า 500 บาท หรือ 800บาท นั้น ทั้งที่ราคาซื้อขายจริงต่ำกว่านั้นมาก
จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชาวเน็ตถกเถียงกันมามากแล้วละครับ และทุกคนก็ลงความเห็นและได้คำตอบชัดเจนว่า ยังไงของทั้งหมดนั้นมูลค่ารวมก็ไม่ถึง 500บาท หรือ800บาท แน่ๆ
จากคำชี้แจงของพลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก ผ.อ. ศปภ. ว่า ถุงยังชีพ มูลค่า 500 บาท นั้นประกอบไปด้วยค่าอะไรบ้าง รวมค่าขนส่งด้วย ผมก็มาสะดุดกับคำว่า ค่าอำนวยการ ค่าอำนวยการที่ว่านี้คืออะไรบ้าง ผมว่าต้องแจงให้ชัดเจน เพราะในเมื่อของที่ในถุงยังชีพส่วนมาก คือของที่ประชาชนบริจาค คนแพ็คของคืออาสาสมัคร และคนที่เอาของไปช่วยส่งหรือแจกจ่าย ถ้าไม่ใช่ทหาร ก็คือประชาชนผู้มีจิตสาธารณะ ไม่ใช่ว่าพวกคุณทำโดยใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกขั้นตอนซะหน่อย
หรืออย่าง สส. ท่านหนึ่งออกมาพูดเรื่องหอยลายกระป๋อง ราคาที่รัฐบาลบอกกับราคาตามท้องตลาดแพงกว่ากันถึง 6 บาท และเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีในถุงยังชีพก็ได้ ซึ่งมองในมุมว่าเป็นอาหารที่ทานง่ายก็ใส่เข้าไปในถุงยังชีพ แต่หากมองในมุมเรื่องของราคานั้น มันก็แพงกว่าท้องตลาดอยู่ดี
กรณีถุงยังชีพที่มีคนถกเถียงกันมาก ภายหลังได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ผลก็ออกมาตามคาด คือไม่มีผู้กระทำความผิด ไม่มีใครต้องรับผิดขอบเรื่องนี้แต่อย่างใด
ผลการตรวจสอบที่ออกมาบอกว่าไม่พบการทุจริตนั้น สำหรับประชาชนที่ติดตามข่าวสาร มันแสดงออกมาชัดแจ้งอยู่แล้วว่ามีการทุจริตแน่นอน แปลว่ารัฐบาลโกหก
เมื่อคืนวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา พลตำรวจเอกประชายังออกมาชี้แจงเรื่องของบริจาคจากต่างประเทศ ว่าประเทศใดให้อะไรมาบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องดีครับที่ชี้แจง
แต่ก็ทำให้ชาวบ้านมีข้อสงสัยอีกจนได้ว่า เครื่องสูบน้ำที่จีน และญี่ปุ่นบริจาคมา พลตำรวจเอกประชา ในฐานะ ผ.อ. ศปภ. ได้จัดส่งไปช่วยแก้น้ำท่วมที่ไหนบ้าง
ได้มาแล้วต้องบอกซิครับว่าเอาไปใช้ที่ไหนบ้าง หรือว่าท่านเอาไปวางตามบ้านของคนในรัฐบาลจนหมด เพราะยังไม่เห็นข่าวเครื่องสูบน้ำเหล่านี้เอามาช่วยแก้ปัญหาการระบายน้ำท่วมที่ใดเลย
ส่วนการถกเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม ผมว่ามันจะไม่ได้ผลเลยหากรัฐบาลไม่ยอมแก้ปัญหาอย่างจริงจัง การแก้ปัญหาอย่างจริงจังต้องใช้ทั้งสติปัญญาความรู้ ความสามารถ และความกล้าที่จะตัดสินใจ
การยอมรับฟังข้อเสนอจากทุกฝ่าย หากว่ามันจะแก้ปัญหาได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายหากจะนำไปปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นแล้วการอภิปรายในสภาฯ สองวันเต็มๆ เรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วมก็สูญเปล่า ไม่ได้อะไรเลย
ถ้าบรรดาตัวแทนของปวงชนชาวไทยหาทางออกของปัญหาไม่ได้ ก็ควรเอาเงินเดือนของพวกท่านมาให้พี่น้องทหารจะดีกว่าไหมครับ เพราะคนเหล่านี้ทำงานหนักเพื่อประชาชน เงินเดือนก็น้อยกว่าพวกท่านตั้งเท่าไร แต่งานของพวกเขาเหนื่อยยากกว่าพวกท่าน คนเหล่านี้เสียสละช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านได้มากกว่าพวกท่านที่ใส่สูท นั่งรถหรูๆ ทำงานในห้องแอร์เยอะเลยนะครับ
เมื่อนายกฯยิ่งลักษณ์ใช้น้ำตาจระเข้แก้ปัญหาน้ำท่วม และนักการเมืองไทยใช้น้ำลายแก้ปัญหาน้ำท่วมสภาฯจนเน่าเหม็นไปทั่ว แล้วประชาชนจะหวังพึ่งใคร ในยามที่ชาวบ้านลำบากทั่วไปหมดค่อนประเทศแล้ว แต่คนเหล่านี้กลับทำได้แค่เพียงเท่านี้ ประชาชนคงได้แต่นั่งถอนหายใจยาวๆ นั่งดูบ้านตัวเองจมน้ำ แล้วรอรับเงินเยียวยา 5,000บาทจากรัฐบาล ทั้งที่มูลค่าความเสียหายมันสูงกว่านั้นมาก
น้ำลายท่วมสภาฯหนนี้ทำให้ประชาชนได้รู้ว่าอย่าหวังพึ่งรัฐบาล ในการให้ความช่วยเหลือ หรือการแก้ปัญหาน้ำท่วม เพราะ รัฐบาลพึ่งไม่ได้ ประชาชนต้องช่วยตัวเอง
น้ำอะไรก็ตามไม่ว่าจะน้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน น้ำอื่นๆอีกมากมาย ก็ยังน่ากลัวน้อยกว่าน้ำมือมนุษย์ ชั่วๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ที่พ่นน้ำลายอยู่ในสภาฯ เน่าเหม็นยิ่งกว่าน้ำเน่าที่ท่วมขังบ้านพ่อแม่พี่น้องอยู่ตอนนี้เสียอีกครับ
หลังจากการลงมติ ผ่าน พ.ร.บ. งบประมาณไปแล้ว นักการเมืองเลวๆนั่งในสภาฯไปก็น้ำลายฟูมปากไป รอคอยการจัดสรรงบฯมาให้งาบ
การทุจริตคอรัปชั่นจากงบประมาณของรัฐบาลและนักการเมืองไทยนั้น มูมมามน่ารังเกียจที่สุดแล้ว แต่การทุจริตคดโกงข้าวของและเงินบริจาคจากน้ำใจประชาชน ในยามที่ชาวบ้านเดือดร้อนแสนสาหัสจากน้ำท่วมนั้น น่ารังเกียจน่าขยะแขยงมากยิ่งกว่าหลายเท่า จริงไหมครับ พ่อแม่พี่น้อง