ยิ่งใกล้เลือกตั้ง การเมืองระดับพรรค ไม่นิ่งครับ
แต่กลับมีเรื่องวุ่นๆ
เหตุเพราะมันมีตัวแปรเกิดขึ้นมากมาย
เฉพาะเป็นตัวแปรบุคคล เช่นดร.ปุระชัย หรือนายเสนาะ
คนแรกกำลังตั้งพรรคใหม่ คนหลังกำลังย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย
สำหรับ ดร.ปุระชัยนั้น เดิมจะไปอยู่พรรคประชาสันติ แต่เห็นว่าไหนๆ จะสร้างมิติใหม่ทางการเมืองแล้ว ก็ควรจะเริ่มต้นด้วยการมีพรรคการเมืองใหม่เสียเลย
ส่วนนายเสนาะ เทียนทองนั้น นักการเมืองรุ่นเดอะคนนี้ คร่ำหวอดมานาน เขาเป็นหัวหน้าพรรคประชาราช อดีตนายกฯ ทักษิณโฟนอินเข้ามาในวันเกิดของเขา เชิญชวนป๋าเหนาะให้เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย
ทักษิณบอกว่าวิธีนี้เป็นยุทธศาสตร์รวมทรัพยากรนักการเมืองเข้ามาร่วมสร้างพรรคอันดับหนึ่งให้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ และเป็นการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ไปในตัวด้วย
ถ้าทำได้ เป็นการยิงนกทีเดียวสองตัว
นอกจากนายเสนาะแล้วยังได้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก พ่วงเข้ามาด้วยและทักษิณยังพยายามรวมศูนย์อดีตลูกพรรคไทยรักไทยเก่าให้เขามาไว้ในกำมือทั้งหมด
เรียกว่าให้มารวมตัวอยู่ในพรรคเดียวกัน
ให้กลับมายิ่งใหญ่กันอีกครั้งหนึ่ง ว่างั้นเถอะครับ
นายเสนาะนั้นคงนำลูกพรรคประชาราชอีก ๙ คน เข้ามาด้วย และเมื่อเขารู้ว่าจะมาอยู่เพื่อไทยก็คุยโวทันทีว่าจะทำให้เพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า และจะทำให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อีกด้วย
ป๋าเหนาะนั้นเคยได้ชื่อว่าเป็นเซียนในการจัดตั้งรัฐบาลมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้ยินนายเสนาะประกาศอย่างนี้ก็สวนกลับทันทีว่า ถ้าชาวบ้านต้องการให้ทักษิณได้ทรัพย์สินคืนและพ้นคุกก็ให้เลือกพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ครับ....เวลานี้พรรคปชป.กับเพื่อไทยห้ำหั่นกันสนุก
ไม่มีใครยอมใคร เพราะแต่ละพรรคได้กองหนุนดีๆ กันทั้งนั้นแล้วนี่ครับ
และเมื่อเพื่อไทยไปดึงนายเสนาะมา ปชป.ก็ออกมาบอกว่า ปชป.นั้นไม่เคยขาดผู้นำ และเป็นพรรคของประชาชนมาแต่ไหนแต่ไร ฝากผีฝากไข้กันได้ ต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่ต้องไปดึงคนจากพรรคอื่นเข้ามา
ที่ผ่านมาปชป.เปิดโอกาสให้บุคคลหลายอาชีพเข้ามาร่วมกับพรรคโดยไม่จำกัด และทำให้พรรคไม่ขาดผู้นำมาทุกยุคทุกสมัย
คนที่ เข้ามาในพรรคเป็นส.ส.ครั้งแรกก็มีบทบาทในทันที เช่น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายกรณ์ จาติกวณิช และม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่ากทม. เห็นได้ว่าปชป.ไม่ได้ขาดผู้นำเลยและกระบวนการเลือกผู้นำของพรรคก็ไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่น
ครับ พรรคการเมืองเก่าแก่ก็ต้องคุยเป็นธรรมดา
หันมามองพรรคการเมืองใหม่บ้าง
ก็ต้องมองมาที่ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ละครับ
ดร.ปุระชัยเปิดตัวที่สมาคมแต้จิ๋วฯ ไปเมื่อไม่กี่วันมานี้แล้วครับ เป็นการเปิดตัวพร้อมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อประเทศไทยในวันพรุ่งนี้
มีการเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับมวลชนไว้มากพอสมควร
บนเวทีมีฉากเขียนข้อความว่า รวมพลังใจให้คนดี ดร.ปุระชัย ไม่มีวันเสื่อมอะไรทำนองนี้ครับ และมีบุคคลสำคัญต่างๆ ร่วมมาในงานเปิดตัวแสดงวิสัยทัศน์นี้ด้วย อาทิ นายพันธ์เลิศ ใบหยก, กลุ่มอดีต ส.ส.ไทยรักไทยเก่า เช่น น.พ.ประจวบ อึ๊งภากรณ์, นายบุญถึง ผลพานิชและเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยกับดร.ปุระชัยจำนวนหนึ่ง
การแสดงวิสัยทัศน์มีว่า ดร.ปุระชัย อธิบายว่าเรื่องสำคัญคือเรื่องของประเทศชาติ ประวัติศาสตร์คนไทยสอนว่ายามใดที่เราแตกสามัคคีกัน มีไส้ศึก บ้านเมืองก็ล่มสลาย แต่เมื่อใดมีผู้นำมีความสามารถ เข้มแข็ง ซื่อสัตย์ ก็จะฟันฝ่าอุปสรรค์ทั้งปวงได้
อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เคเนดี เคยกล่าวสุนทรพจน์ว่า อย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรกับคุณ แต่ถามว่าคุณจะให้อะไรกับประเทศชาติ
และถ้าประเทศใดมีประชาธิปไตยที่ไม่มีระเบียบ ไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ศีลธรรม จะถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย จะเรียกว่าอนาธิปไตย เราจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
ตนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะสร้างความขัดแย้งกับกลุ่มใดหรือสีหนึ่งสีใด สีสูงสุดคือสีของธงไตรรงค์
ดร.ปุระชัยยังกล่าวด้วยว่า ตนยังไม่มีสังกัด แต่อยู่ระหว่างการตั้งพรรค ตนยึดหลักตามที่สื่อมวลชนตั้งให้คือเป็นมิสเตอร์ไม้บรรทัดและกล่าวว่า เพื่อนร่วมรุ่นอยากให้มีเลือกตั้ง ไม่อยากให้ประเทศกลับไปสู่วังวนแห่งการปฏิวัติรัฐประหารกันอีก
ครับ ปรากฏการณ์ ดร.ปุระชัย เป็นปรากฏการณ์ของคนกรุงเทพฯ ที่ชอบของใหม่ และชอบภาพลักษณ์ของคนดีที่มาเล่นการเมือง
เป็นกระแสการเมืองที่มองข้ามไม่ได้ และถ้าให้ประเมินกันแล้ว หากมีพรรคใหม่และได้ผู้สมัครที่ใหม่ สดและเป็นคนดีมากๆ ก็จะได้คะแนนนิยม ได้รับเสียงอย่างท่วมท้นอย่างแน่นอน
ครับ การเมืองในระบบพรรคที่วุ่นๆ เพราะมีตัวแปร ล้วนเป็นเรื่องที่มีเหตุปัจจัยเป็นตัวบุคคลทั้งนั้นแหละครับ
แต่กลับมีเรื่องวุ่นๆ
เหตุเพราะมันมีตัวแปรเกิดขึ้นมากมาย
เฉพาะเป็นตัวแปรบุคคล เช่นดร.ปุระชัย หรือนายเสนาะ
คนแรกกำลังตั้งพรรคใหม่ คนหลังกำลังย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย
สำหรับ ดร.ปุระชัยนั้น เดิมจะไปอยู่พรรคประชาสันติ แต่เห็นว่าไหนๆ จะสร้างมิติใหม่ทางการเมืองแล้ว ก็ควรจะเริ่มต้นด้วยการมีพรรคการเมืองใหม่เสียเลย
ส่วนนายเสนาะ เทียนทองนั้น นักการเมืองรุ่นเดอะคนนี้ คร่ำหวอดมานาน เขาเป็นหัวหน้าพรรคประชาราช อดีตนายกฯ ทักษิณโฟนอินเข้ามาในวันเกิดของเขา เชิญชวนป๋าเหนาะให้เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย
ทักษิณบอกว่าวิธีนี้เป็นยุทธศาสตร์รวมทรัพยากรนักการเมืองเข้ามาร่วมสร้างพรรคอันดับหนึ่งให้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ และเป็นการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ไปในตัวด้วย
ถ้าทำได้ เป็นการยิงนกทีเดียวสองตัว
นอกจากนายเสนาะแล้วยังได้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก พ่วงเข้ามาด้วยและทักษิณยังพยายามรวมศูนย์อดีตลูกพรรคไทยรักไทยเก่าให้เขามาไว้ในกำมือทั้งหมด
เรียกว่าให้มารวมตัวอยู่ในพรรคเดียวกัน
ให้กลับมายิ่งใหญ่กันอีกครั้งหนึ่ง ว่างั้นเถอะครับ
นายเสนาะนั้นคงนำลูกพรรคประชาราชอีก ๙ คน เข้ามาด้วย และเมื่อเขารู้ว่าจะมาอยู่เพื่อไทยก็คุยโวทันทีว่าจะทำให้เพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า และจะทำให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อีกด้วย
ป๋าเหนาะนั้นเคยได้ชื่อว่าเป็นเซียนในการจัดตั้งรัฐบาลมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้ยินนายเสนาะประกาศอย่างนี้ก็สวนกลับทันทีว่า ถ้าชาวบ้านต้องการให้ทักษิณได้ทรัพย์สินคืนและพ้นคุกก็ให้เลือกพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ครับ....เวลานี้พรรคปชป.กับเพื่อไทยห้ำหั่นกันสนุก
ไม่มีใครยอมใคร เพราะแต่ละพรรคได้กองหนุนดีๆ กันทั้งนั้นแล้วนี่ครับ
และเมื่อเพื่อไทยไปดึงนายเสนาะมา ปชป.ก็ออกมาบอกว่า ปชป.นั้นไม่เคยขาดผู้นำ และเป็นพรรคของประชาชนมาแต่ไหนแต่ไร ฝากผีฝากไข้กันได้ ต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่ต้องไปดึงคนจากพรรคอื่นเข้ามา
ที่ผ่านมาปชป.เปิดโอกาสให้บุคคลหลายอาชีพเข้ามาร่วมกับพรรคโดยไม่จำกัด และทำให้พรรคไม่ขาดผู้นำมาทุกยุคทุกสมัย
คนที่ เข้ามาในพรรคเป็นส.ส.ครั้งแรกก็มีบทบาทในทันที เช่น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายกรณ์ จาติกวณิช และม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่ากทม. เห็นได้ว่าปชป.ไม่ได้ขาดผู้นำเลยและกระบวนการเลือกผู้นำของพรรคก็ไม่เหมือนพรรคการเมืองอื่น
ครับ พรรคการเมืองเก่าแก่ก็ต้องคุยเป็นธรรมดา
หันมามองพรรคการเมืองใหม่บ้าง
ก็ต้องมองมาที่ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ละครับ
ดร.ปุระชัยเปิดตัวที่สมาคมแต้จิ๋วฯ ไปเมื่อไม่กี่วันมานี้แล้วครับ เป็นการเปิดตัวพร้อมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อประเทศไทยในวันพรุ่งนี้
มีการเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับมวลชนไว้มากพอสมควร
บนเวทีมีฉากเขียนข้อความว่า รวมพลังใจให้คนดี ดร.ปุระชัย ไม่มีวันเสื่อมอะไรทำนองนี้ครับ และมีบุคคลสำคัญต่างๆ ร่วมมาในงานเปิดตัวแสดงวิสัยทัศน์นี้ด้วย อาทิ นายพันธ์เลิศ ใบหยก, กลุ่มอดีต ส.ส.ไทยรักไทยเก่า เช่น น.พ.ประจวบ อึ๊งภากรณ์, นายบุญถึง ผลพานิชและเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยกับดร.ปุระชัยจำนวนหนึ่ง
การแสดงวิสัยทัศน์มีว่า ดร.ปุระชัย อธิบายว่าเรื่องสำคัญคือเรื่องของประเทศชาติ ประวัติศาสตร์คนไทยสอนว่ายามใดที่เราแตกสามัคคีกัน มีไส้ศึก บ้านเมืองก็ล่มสลาย แต่เมื่อใดมีผู้นำมีความสามารถ เข้มแข็ง ซื่อสัตย์ ก็จะฟันฝ่าอุปสรรค์ทั้งปวงได้
อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เคเนดี เคยกล่าวสุนทรพจน์ว่า อย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรกับคุณ แต่ถามว่าคุณจะให้อะไรกับประเทศชาติ
และถ้าประเทศใดมีประชาธิปไตยที่ไม่มีระเบียบ ไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ศีลธรรม จะถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย จะเรียกว่าอนาธิปไตย เราจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
ตนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะสร้างความขัดแย้งกับกลุ่มใดหรือสีหนึ่งสีใด สีสูงสุดคือสีของธงไตรรงค์
ดร.ปุระชัยยังกล่าวด้วยว่า ตนยังไม่มีสังกัด แต่อยู่ระหว่างการตั้งพรรค ตนยึดหลักตามที่สื่อมวลชนตั้งให้คือเป็นมิสเตอร์ไม้บรรทัดและกล่าวว่า เพื่อนร่วมรุ่นอยากให้มีเลือกตั้ง ไม่อยากให้ประเทศกลับไปสู่วังวนแห่งการปฏิวัติรัฐประหารกันอีก
ครับ ปรากฏการณ์ ดร.ปุระชัย เป็นปรากฏการณ์ของคนกรุงเทพฯ ที่ชอบของใหม่ และชอบภาพลักษณ์ของคนดีที่มาเล่นการเมือง
เป็นกระแสการเมืองที่มองข้ามไม่ได้ และถ้าให้ประเมินกันแล้ว หากมีพรรคใหม่และได้ผู้สมัครที่ใหม่ สดและเป็นคนดีมากๆ ก็จะได้คะแนนนิยม ได้รับเสียงอย่างท่วมท้นอย่างแน่นอน
ครับ การเมืองในระบบพรรคที่วุ่นๆ เพราะมีตัวแปร ล้วนเป็นเรื่องที่มีเหตุปัจจัยเป็นตัวบุคคลทั้งนั้นแหละครับ