เมื่อสัปดาห์ก่อนผมและคุณพ่อคุณแม่ได้ไปเยี่ยมชมหุ่นขี้ผึ้ง ของมาดามทุสโซ จัดแสดงอยู่ที่สยามดิสคัพเวอรีใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร
หุ่นขี้ผึ้งของมาดามทุสโซได้จัดแสดงเป็นครั้งแรกของโลกเมื่อราว 250 ปี ที่แล้ว มาดามทุสโซได้เรียนรู้วิธีการปั้นหุ่นเหมือนด้วยขี้ผึ้งภายใต้การฝึกอบรมของ นพ. ฟิลลิเป เคอร์เทียสผู้เป็นอาจารย์
ในช่วงที่มีการปฏิวัติครั้งใหญ่ในประเทศฝรั่งเศสนั้น มาดามทุสโซต้องพิสูจน์ฝีมือของเธอจากการถูกบังคับให้ปั้นหน้ากากมรณะของบรรดาขุนนางที่ถูกประหารชีวิตในครั้งนั้น จนกระทั่งในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
หลังจากนั้นมาดามทุสโซก็ได้เดินทางมาประเทศอังกฤษพร้อมด้วยการจัดแสดงหุ่นที่เกี่ยวข้องกับการปฎิวัติ
นิทรรศการของมาดามทุสโซจึงลงหลักปักฐานที่ลอนดอนในปี ค.ศ.1835 ณ สถานที่ที่มีชื่อเรียกว่าเบเกอร์สตรีทบาซาร์และจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญในยุคนั้น ก่อนที่จะย้ายมายังทำเลปัจจุบันบนถนนมาริลโบนในปี ค.ศ.1884
หลังจากนั้นหุ่นขี้ผึ้งของมาดามทุสโซจึงเป็นหุ่นขี้ผึ้งคนดังแวดวงต่างๆทั่วโลกในแต่ละยุคสมัย และมีการปั้นหุ่นใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกมากมาย
สำหรับคนไทยวันนี้ เรามีหุ่นขี้ผึ้งฝีมือคนไทยแสดงให้ชมอยู่หลายที่ เช่น พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยที่นครชัยศรี หุ่นขี้ผึ้งที่ราชบุรี หุ่นขี้ผึ้งเกจิอาจารย์มีชื่อตามวัดต่างๆหลายแห่ง
ชมฝีมือคนไทยแล้ว หลายท่านคงอยากเห็นหุ่นขี้ผึ้งของมาดามทุสโซ ตอนนี้ไม่ต้องเดินทางไปดูพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซถึงอังกฤษ หุ่นขี้ผึ้งที่มาแสดงในบ้านเราครั้งนี้ เก็บค่าเข้าชมสำหรับคนไทยคนละ 350 บาท
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซเปิดให้บริการผู้คนทั่วโลกแล้ว เช่น ที่ ลอนดอน อัมสเตอร์ดัม เบอร์ลิน เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง ฮอลลีวู้ด ลาสเวกัส นิวยอร์ค วอชิงตัน ดี.ซี. กรุงเทพฯ และกำลังจะเปิดในเวียนนาในปีนี้อีกด้วย
ตอนที่ดูรายการโทรทัศน์หลายๆ รายการที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ ผมคิดว่าจะมีหุ่นไม่กี่ตัวเท่านั้น
แต่เมื่อได้ไปชมก็พบว่า มีหุ่นเยอะกว่าที่คิดมาก หุ่นตัวแรกที่โชว์อยู่บริเวณทางเข้า เป็นหุ่นเฉินหลงที่ยืนโพสต์ท่าเชิญชวนให้เราเข้าไปชม ที่สำคัญผู้ชมสามารถสัมผัสจับต้องโอบกอด กระทบไหล่คนดังหรือนั่งร่วมโต๊ะเก้าอี้ ถ่ายภาพไว้ได้อย่างจุใจ
ห้องแรกที่เดินเข้าไป ก็จะได้พบกับห้องเกี่ยวกับราชวงศ์จักรีที่เป็นห้องที่ใช้แสงสีทองในการจัดแสดง และเมื่อได้ชมหุ่นใกล้ๆก็ทำเอาผมขนลุกไปเลยละครับ
ห้องต่อมาก็จะเป็นห้องของบุคคลสำคัญในเอเชีย ซึ่งมีทั้งประธานเหมา เจ๋อตง จอมพล ป. พิบูลสงคราม มหาตมา คานธี รวมถึงท่านพุทธทาส
ก่อนจะเดินต่อไปยังห้องผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการการเมืองโลก ทั้งควีนเอลิซาเบธที่สอง ออง ซาน ซูจี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นต้น
ห้องถัดมาจะเป็นห้องที่เกี่ยวกับศิลปะและวิทยาศาสตร์ มีทั้งหมอพรทิพย์ ปิกัสโซ อาจารย์ศิลป์ พีระศรี รวมไปถึงท่านสุนทรภู่
ต่อไปก็จะเป็นห้องที่เราได้มากระทบไหล่ดาราทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ได้ยืนกับอินทรีแดงคนแรกอย่างมิตร ชัยบัญชา ได้ทอล์คโชว์กับจิม แคร์รีและนิโคลลาส เคจ หรือใครอยากจะกอดน้องแพนเค้กก็สามารถมากอดได้ที่นี่
ห้องต่อมาก็เป็นห้องที่เต็มไปด้วยนักร้องทั้งแอ๊ด คาราบาว และทาทายัง ที่ปั้นตอนเธอยังผอมเพรียวอยู่
ก่อนจะได้เดินบนพรมแดงยังกับอยู่ในงานออสการ์ เพราะเราจะได้เจอทั้งนิโคล คิดด์แมน ลีโอนาโด ดิ คาปริโอ จอห์นนี่ เดปป์ แล้วต่อด้วยนักกีฬาคนดังอย่าง ไทเกอร์ วูด เดวิด เบ็คแฮม
ยังมีหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญอีกมากมายที่ผมไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งผมอยากให้ทุกท่านหาเวลาไปเยี่ยมชม และถ้าใครมีลูกหรือหลานยิ่งควรจะพาไปอย่างมาก เพราะเป็นอะไรที่ได้ความรู้ดีทีเดียวละครับ ทั้งผู้ใหญ่และเด็กจะได้หาความรู้เพิ่มเติมไปด้วย
การเข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือการจัดแสดงผลงานศิลปะประเภทต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนในสังคม เป็นการเรียนรู้โลกกว้างไม่รู้จบ รัฐบาลควรมีบทบาทสำคัญในการจัดสร้าง และควรร่วมมือสนับสนุนส่งเสริม และทำหน้าที่ประสานงานกับภาคเอกชน เพื่อให้คนไทยทั่วไปมีโอกาสเข้าชมในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป