xs
xsm
sm
md
lg

สุขภาวะ...สุขภาพ ของคนไทย เพื่อคุณภาพชีวิตหรือการหาเสียงของนักการเมือง ?

เผยแพร่:   โดย: ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย


ช่วงก่อนปีใหม่ ชีวิตผมเดินเข้าเดินออกโรงพยาบาล ด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง จนคุณหมอให้นอนโรงพยาบาล ก็ดีนะครับไม่ต้องเดินทางไปมาโรงพยาบาลบ่อยๆ สุดท้ายต้องผ่าตัดถุงน้ำดี เพราะสาเหตุเกิดจากมีนิ่วในถุงน้ำดีและท่อน้ำดีอักเสบ

ตอนนี้จึงกลายเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่มคนไม่มีถุงน้ำดี แต่เอาเถอะ ยังไงก็ยังเป็นคนน้ำดีของสังคมและบ้านเมืองอยู่นะครับ ยืนยันได้

การมานอนโรงพยาบาลและใช้ชีวิตที่นี่อยู่หลายวัน ทำให้ได้พบเห็นและได้คิดอะไรหลายๆ อย่าง ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในโรงพยาบาลของรัฐ สิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาคือปริมาณผู้คนมากมาย ขนาดผมมาในช่วงคลีนิคนอกเวลาแล้วนะเนี่ย

ส่วนเวลาราชการไม่ต้องพูดถึงเลยครับนั่งรอกันไป ชนิดที่ว่าลางานครึ่งวันก็ไม่พอ คนเยอะคิวยาว แถมยังมีผู้ป่วยที่ต้องให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียด ก็เรื่องชีวิตนี่ครับไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คุณหมอต้องทำงานกันอย่างหนัก ตั้งแต่เช้าจนบ่ายก็ยังไม่ได้หยุดพักกลางวันกันเลยครับ

การได้สัมผัสคนเจ็บไข้ได้ป่วยมากมายแบบนี้ อดจะรู้สึกสงสารชาวบ้านที่ต้องมารอนานๆ ไม่ได้ ยิ่งใครที่อาการหนักมากๆ แล้วต้องมานั่งรอเป็นชั่วโมงๆ หรือเป็นวันๆ ทุกข์ทรมานเหลือเกินครับ

นอกจากสภาพแออัดแล้ว โรงพยาบาลของรัฐเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่จะเห็นป้ายมากมาย ไม่ว่าจะป้ายโฆษณา ป้ายให้ความรู้ ป้ายบอกโน่นนี่นั่นเยอะไปหมด

แต่ที่สะดุดตาคือป้ายใหญ่เบ้อเริ่มตรงผนังตึกสูง ตามประตูหน้าลิฟท์ มีข้อความ “วันที่ 1 ตุลาคม 2553 เป็นต้นไป รักษาฟรี 48 ล้านคน ใช้บัตรประชาชนใบเดียว” อยู่ข้างๆ รูปรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขยิ้มร่า ติดหราอยู่ ดูจากข้อความแล้วหลายคนคงดีใจ ที่มาหาหมอโดยไม่เสียตังค์

แต่ลองมองป้ายนี้แล้วคิดแบบอื่นกันบ้าง การรักษาฟรีเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นสิทธิที่ประชาชนควรจะได้รับอยู่แล้ว แต่ทำไมต้องใช้รูปรัฐมนตรี แทนที่จะใช้รูปชาวบ้าน หรือผู้ประกอบอาชีพหลายๆอาชีพ เพื่อที่จะบอกว่าคนทุกอาชีพ สามารถรักษาฟรีได้เหมือนๆกัน

การใช้รูปของรัฐมนตรีแบบนี้เท่ากับหาเสียงล่วงหน้า หวังผลทางการเมืองเต็มๆ ต้องอย่าลืมนะครับว่างานนี้ใช้เงินภาษีประชาชนล้วนๆ ไม่ใช่เงินส่วนตัวของนักการเมือง บนป้ายที่ว่านี้ จึงควรมีข้อความว่า รักษาฟรีด้วยเงินภาษีของประชาชน

ป้ายโฆษณาของกระทรวงอื่นๆ ก็เหมือนกัน ผมเคยเห็นป้ายโครงการถนนปลอดฝุ่น มีการใช้ภาพรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงขึ้นพร้อมๆ กับชื่อโครงการ

ความจริงป้ายประเภทนี้มีอยู่ทั่วไปหมด จนถึงเวลามีการหาเสียงเลือกตั้ง ป้ายเหล่านี้ก็ยังคงติดหราอยู่ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการผิดกฏหมายเลือกตั้งหรือไม่ แต่ก็อยากให้ท่านห้าเสือ กกต. ช่วยติดตามดูด้วยนะครับ

โรงพยาบาลเป็นสถานที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประชาชน ตั้งแต่เกิด เจ็บไข้ได้ป่วย จนตาย ทำให้คิดถึงหนังสือจากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ของท่านอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นรูปธรรมของสวัสดิการที่ชัดเจนที่สุดที่ประชาชนมีสิทธิจะได้รับการดูแลจากรัฐ

ปัจจุบันระบบประกันสุขภาพของไทยก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานการผลักดันและทำงานอย่างหนักของนพ.สงวน นิตยารัมพงษ์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว และทีมงานในสปสช. ที่ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้มากขึ้น จนถึงวันนี้ รัฐบาลใช้เรื่องนี้เป็นนโยบายหาเสียงกันมาอย่างต่อเนื่อง

ผมเป็นลูกจ้างที่จ่ายเงินประกันสังคม จึงรักษาพยาบาลโดยใช้สิทธิประกันสังคม ผมเลือกโรงพยาบาลของรัฐ ไม่เลือกโรงพยาบาลเอกชน เพราะคิดว่าอย่างน้อยเงินที่ผมจ่ายทุกเดือนจะได้อยู่กับโรงพยาบาลของรัฐ ผมพบว่าเวลานี้ระบบประกันสุขภาพพัฒนาไปมาก จนการรักษาและบัญชียาบางรายการดีกว่าระบบประกันสังคมเสียอีก

ตอนนี้ โดยหลักการ ชาวบ้านทั่วไปที่เคยใช้บัตรทอง สามารถใช้บัตรประชาชนมารับการบริการฟรี ทั้งค่ายา ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่มีค่าบริการราคาแพงได้

แต่ในทางปฏิบัติ ก็ยังมีความยุ่งยากในการใช้ฐานข้อมูล และการต้องทำหนังสือส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นสังกัด

ที่สำคัญคือ ข้อจำกัดในการให้การบริการทางการแพทย์ สถานที่โรงพยาบาลของรัฐที่คับแคบแออัด จำนวนบุคลากรทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วย

ช่วงที่มีข่าวการขอขึ้นเงินเดือนของ ท่าน ส.ส. ผมจำได้เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องนั้นไปแล้วแต่ขอมาเพิ่มเติมในนี้หน่อยนะครับ ว่าแทนที่จะเอาเงินไปให้นักการเมืองผลาญ เอาไปใช้หาเสียงล่วงหน้า หรือทำอะไรแย่ๆ สู้เอาเงินก้อนนี้มาช่วยกันพัฒนาระบบสาธารณสุขดีกว่า

เงินที่ถูกนักการเมืองผลาญกันโครมๆ ถ้าเอามาทำวิทยาลัยแพทย์ เพื่อผลิตแพทย์ พยาบาลให้เพียงพอต่อการดูแลสุขภาพของประชาชนดีกว่า หรือไม่ก็สร้างโรงพยาบาลเพิ่มเพื่อให้การให้บริการสามารถทำได้ทั่วถึงมากขึ้น และอาจจะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาะโรงพยาบาลใหญ่ๆที่คนใช้บริการจำนวนมากได้

ผมว่าแทนที่จะเอาเงินงบประมาณมาขึ้นเงินเดือนสส. สว. ที่ขี้เกียจ ไม่รับผิดชอบหน้าที่ หนีการประชุม ใช้สภาเป็นเวทีด่าทอกันอย่างหยาบคาย ก้าวร้าว ไร้สาระ แถมยังใช้ตำแหน่งหาประโยชน์และอภิสิทธิ์มากมาย ควรเอาเงินงบประมาณมาสร้างและขยายพัฒนาโรงพยาบาล และเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ ก็ยังจะเกิดประโยชน์โภชน์ผลมากกว่าเป็นไหนๆ

นักการเมืองไทยถนัดคิดแต่โครงการเมกะโปรเจกต์เพื่อพัฒนาวัตถุ และหาช่องทางคอรัปชั่นโกงกิน เอาแต่คิดหาประโยชน์จากงบประมาณเงินภาษีของชาวบ้าน โดยไม่คิดถึงประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่คิดถึงคุณภาพชีวิต ไม่คิดถึงสุขภาวะของประชาชน

ระบบสุขภาพ หรือสุขภาวะของมนุษย์ ตามนิยามของสหประชาชาติ คือภาวะที่มนุษย์มีความสุขทั้งทางกาย ทางใจ ทางสังคม และทางจิตวิญญาณ หรือ Spiritual ซึ่งหมายถึง ความคิดความเชื่อของมุษย์ด้วย การปฏิรูประบบสุขภาพจึงเป็นเรื่องของการปฏิรูปและพัฒนาเป็นองค์รวม และเกี่ยวข้องกับงานหลายด้านหลายกระทรวง

ในฐานะประชาชนผู้ใช้บริการ ผมก็หวังว่าระบบสุขภาพของไทยจะมีการพัฒนาต่อไป เพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นแค่เปลือกการหาเสียงของนักการเมือง และนโยบายประชานิยมของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ผมขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐที่ต้องเสียสละ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดี ต้องทำงานหนัก ทั้งเช้าสายบ่ายค่ำและวันหยุด จนแทบจะไม่มีเวลาให้ครอบครัว ในขณะที่รายได้น้อยมากถ้าเทียบกับหมอในโรงพยาบาลเอกชน
กำลังโหลดความคิดเห็น