xs
xsm
sm
md
lg

ขบวนการสีแดงปี 2553 : ในจุดแข็งมีจุดอ่อน

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

ดูจากคนเดินทางท่องเที่ยววันหยุดยาว บรรยากาศผ่อนคลาย ผู้คนจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นพร้อม ๆ กับมีการถ่ายทอดสดวาระเสด็จออกมหาสมาคม ทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดให้ขบวนการเสื้อแดงต้องหยุดเคลื่อนไหวมวลชนขนาดใหญ่ในปีนี้

ส่วนวันที่ 10 ธันวาคมไม่ว่าชีคโมฮัมแม้วจะโฟนอินด้วยฤกษ์ 19.00 หรือ 20.18 / 21.16 เพื่อให้รวมกันเป็น 10 ก็คงจะไม่อิทธิฤทธิ์เผาบ้านเผาเมืองเหมือนเมื่อเดือนเมษายนอย่างแน่นอน

ต่อให้นัดใหม่ 19 ธันวาเงื่อนเวลาก็ไม่เหมาะแล้ว การยกทัพใหญ่เสื้อแดงให้มากกว่าปริมาณปกติจะต้องนำมาจากต่างจังหวัด เวลานี้เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จปรับพื้นที่รอลงปลูกพืชฤดูแล้งประเภทถั่วงา ดังนั้นมวลชนไม่ว่างมาช่วยสามเกลอหาเงิน เพราะต้องหาเลี้ยงตัวเองให้รอดก่อน

ขบวนการเสื้อแดงในปี 2552 จบแล้ว แต่จะมาใหม่ใกล้เปิดสภาฯมกราคม 2553

ภูมิศาสตร์การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงนับจากปี 2548 เป็นต้นมา มีคนบอกว่าอำมาตย์ปลุกยักษ์รากหญ้าขึ้นมาแต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เฉพาะรากหญ้าเสื้อแดงเท่านั้น ที่ถูกคือประชาชนเจ้าของประเทศส่วนใหญ่ถูกแรงกระเพื่อมของการเมืองสองขั้ว ถูกปลุกขึ้นมาไม่ว่าจะสีใด ขั้วใด กลายเป็นยักษ์ใหญ่ตัวจริงที่ทำให้ผู้เล่นในสนามการเมืองดั้งเดิม ซึ่งประกอบด้วย นักการเมืองไม่กี่คน เทคโนแครตผูกขาด นายทหารตำรวจ และนายทุนไม่กี่ตระกูล วนเวียนกันเข้ามามีอำนาจต้องตระหนัก

ให้ชัดเจนขึ้น ให้มองภาพวงจรการเมืองก่อนปี 2545 ส.ส.เปรียบเสมือนขุนศึกศักดินาในยุคฟิวดัล ซื้อเสียงเข้ามา มีนายทุนและนักการเมืองไม่กี่ตระกูลตั้งพรรครวบรวมกำลังกันเพื่อจัดสรรอำนาจโดยอำนาจอีกส่วนหนึ่งจัดแบ่งให้กับเทคโนแครต ที่ศัพท์วิชาการดั้งเดิมเรียกว่า Bureaucratic Politic ไม่อยากใช้คำแปลไทยเพราะที่ใช้กันอยู่ผิดความหมายไปเสียแล้ว

การเมืองไทยยุคใหม่ถูกบังคับให้ผูกผันเกี่ยวกับมวลชน สร้างความพึงใจ และการจัดตั้งมวลชน บางคนมองว่าเอาอีกแล้วเอะอะก็มวลชนน่าจะพอกันได้แล้ว ... แต่แท้จริงขบวนการมวลชนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เป็นรากฐานของการเมืองยุคใหม่ที่เป็นอารยะ ให้ชัดขึ้นในยุโรป อเมริกา ประชาชนของเขาประกาศตนชัดว่าสวมเสื้ออุดมการณ์สีใด เป็นเลเบอร์ หรือ คอนเซอร์เวทีฟ เป็น รีพับลิกัน หรือ เดโมแครต ซึ่งสะท้อนมุมมองแนวคิดความต้องการของคนเหล่านั้น

ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดเลย !

แต่สำหรับเมืองไทย หลายคนอยากจะอาเจียนใส่กับคำว่า พวกสีเหลือง พวกสีแดง พวกสีน้ำเงิน เพราะยังเป็นระยะเปลี่ยนผ่านที่ประชาชนเองยังไม่รู้ตัวเลยว่าจะต้องทำอย่างไร ชาวบ้านอาจจะเข้าใจว่าสวมเสื้อสีนี้แล้วไประรานทำร้ายอีกฝ่ายได้เพราะนี่เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย (แบบไหนของมันวะ) ซึ่งก็คงต้องถูกจับกุม เข้าคุกกันไปอีกหลายคนกว่าจะปรับตัวลงมาสู่หลักการและกรอบที่เหมาะควร

ต้องยอมรับว่าขบวนการเสื้อแดงเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2552 เพราะปี 2551 เป็นยุคที่พันธมิตรเคลื่อนไหว

เมื่อปี 2550 ตอนที่ นปช.ถือกำเนิด ในยุคนั้นยังต้องซื้อคนเข้ามาร่วม หว่านเงินเป็นว่าเล่นเพื่อทำม็อบ มีแนวร่วมอุดมการณ์เพียงหยิบมือที่ไม่ต้องจ้าง

ตอนที่ไทยรักไทยระดมคนเป็นแสนไปแสดงพลังสนามหลวงมีนาคมปี 2549 ข่มขวัญการชุมนุมพันธมิตรก็จ้าง... เอาคนไปที่สนาม 700 ปีก็จ้าง เจ๊ซาละเปาได้เงินมาจากพ่อตานักการเมืองที่ถูกเรียกเนรคุณคนนั้นแหละ ส่วนพ่อตานักการเมืองได้จากโครงการอะไรก็หาไม่ยากเพราะประมูล 99% ของราคากลาง (ที่อัพให้เกินปกติ) อยู่แล้ว

มวลชนเสื้อแดงปัจจุบัน ได้รับบทเรียนจากการเคลื่อนไหว 193 วันของพันธมิตรอยู่ไม่น้อย นี่สิที่เป็นอีกปัจจัยสำคัญปลุกให้ยักษ์รากหญ้าตื่นขึ้นมา การบริจาค การรวมกลุ่ม การเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มก้อนในพื้นที่เป็นแม่แบบให้สังคมทั้งสังคมกระเพื่อมตาม บ้างก็เลียนแบบผิด ๆ ถูก ๆ

ที่สุด ขบวนการเสื้อแดงเข้มแข็งขึ้นมาเป็นประชาชนรวมตัวกันเอง พยายามสร้างเครือข่ายกันเอง จากเดิมที่อาศัยส.ส.ในพื้นที่จัดตั้งเฉพาะกิจตามกำลังทรัพย์ที่ได้จัดสรรมา

ในท่ามกลางขบวนการประชาชนกลุ่มย่อยต่าง ๆ ประมาณ 300 กลุ่มเล็กบ้างใหญ่บ้างนั้น มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยง 3 ทิศทาง หนึ่งคือ เวทีเสื้อแดงสามเกลอ สอง ส.ส.ในพื้นที่ และสาม การถูกปลุกให้จงรักภักดี (ในความหมายเดียวกับLoyalty) ต่อผู้นำลี้ภัย

สายสัมพันธ์ส่วนที่สามคือต่อผู้นำเข้มแข็งที่สุด และถูกทำให้เข้มแข็งขึ้นด้วย กระบวนการทักษิณไลฟ์ เอสเอ็มเอส การโฟนอิน และกำลังจะมีโทรทัศน์ดาวเทียม

ส่วนที่มีปัญหาคือสายสัมพันธ์ของแดงกลุ่มย่อย ระหว่าง สามเกลอ และ ส.ส.ในพื้นที่ ที่แม้จะต้องใช้งานมวลชนเหมือนกันแต่ก็ทับซ้อนด้วยปัญหาอำนาจการต่อรองทางการเมืองของตน

เอาง่าย ๆ แค่งบประมาณไปกรุงเทพฯ หากผ่านสามเกลอก็มีคนจัดโอนให้ตรง เท่ากับการข้ามหน้า ส.ส.ไปโดยปริยาย แต่หากใช้วิธีเดิมเอาเงินให้ ส.ส.ไปจัดหามาโดยมีเป้าหมายขั้นต่ำให้ สามเกลอก็จะเป็นเบี้ยล่างส.ส. คอนโทรลม็อบไม่ได้

การระดมปกติของสามเกลอสามารถคอนโทรลเครือข่ายสูงสุดที่เฉลี่ย 3 หมื่นคนซึ่งไม่พอกับการยกทัพใหญ่ ซึ่งก็ต้องอาศัยทัพเสริมจาก ส.ส. และทางพรรคจัดสรร

โครงสร้างของขบวนการเสื้อแดงที่เข้มแข็งขึ้นก็ยังคงมีจุดอ่อนตรงนี้เป็นจุดแรก

จุดอ่อนอีกส่วนคือเป้าหมายของการต่อสู้ ส.ส.ต้องการแค่หลักประกันตำแหน่งอำนาจวาสนา แกนนำบางคนต้องการแค่ผลประโยชน์ทำนองสู้แล้วรวย ขณะที่อีกขบวนการหนึ่งที่แฝงมาคือการโค่นล้มโครงสร้างสังคม

สรุปว่าเป้าหมายไม่ตรงกัน

แต่จุดอ่อนที่สุดซึ่งจะกล่าวต่อไปในโอกาสที่เหมาะสมคือการออกแบบมวลชนให้ผูกอยู่กับทักษิณ ชินวัตร คนเดียว – เป็นหลัก

สมมติถ้าทักษิณเป็นอะไรไปแบบทันด่วน

ขบวนการเสื้อแดงที่ว่าแข็ง ๆ จะพังพาบในทันที !
กำลังโหลดความคิดเห็น