คำปราศรัยผ่านวิดีโอลิงค์ระยะเวลาประมาณ 30 นาทีของทักษิณ ชินวัตร มายังท้องสนามหลวงก่อนการเคลื่อนขบวนถวายฎีกาถูกบันทึกเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยแล้ว
นี่เป็นรอยต่อจุดสำคัญจุดหนึ่งที่จะอ้างอิง และบ่งบอกแนวโน้มการเมืองของขบวนการสีแดงได้ในระดับสำคัญ ไม่ว่าจะไปซ้ายหรือขวาในอนาคตอันใกล้
ชุดถ้อยคำที่ทักษิณ ได้นำเสนอระหว่างเวลา 10.58-11.30 น.ของวันที่ 17 สิงหาคม 2552 บ่งบอกว่าเขาได้จัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าอย่างรัดกุม
แทบทุกบรรทัดล้วนเป็นประโยคสำคัญ !
มีที่มาที่ไปให้สืบสาว หาใช่การนึกอยากพูดก็พูด !!
บอกว่าเขาเป็นเหยื่อที่ถูกรังแก นำมาสู่ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นระยะ 3 ปี บอกว่าเขาบริสุทธิ์ใจและมุ่งมั่นทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินและเงินภาษีที่ให้ไปร่ำเรียน
บอกว่าสีแดง ไม่ใช่ คอมมิวนิสต์ คำกล่าวนี้เพื่อปกป้องข้อกล่าวหาที่บอกว่าเขาไม่จงรักภักดี และนำไปสู่การเล่าเรื่องที่เขาเข้าเฝ้า กราบทูลขอให้พระองค์ทรงมีพระชนมายุเท่ากับพระอานนท์ นั่นเพราะที่ผ่านมาขบวนการของเหล่าสหายซ้ายหลงยุคเคลื่อนไหวร่วมในขบวนการอย่างชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ ทักษิณ จึงต้องใช้คำพูดตนเองแยกสีแดงสนามหลวงออกจากคอมมิวนิสต์ให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
ทักษิณ เจาะจงพูดเรื่องการที่ OTOP สำเร็จได้ดีเพราะบารมีของสมเด็จพระราชินีฯ ที่ทรงปูพื้นฐานทรงงานหนักงานศิลปาชีพ นั่นเพราะก่อนนี้มีใบปลิวมากมายในภาคเหนือ-อีสาน ที่โจมตีงานศิลปาชีพ และพาดพิงถึงผู้ที่ไม่ควรพาดพิงอย่างเสียหาย ทักษิณพยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวกับใบปลิวดังกล่าว
ประโยคที่สำคัญที่สุดในประเด็นเรื่องการถวายฎีกา ก็คือ เขาไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลฯ บอกว่าโทษจำคุกสองปีนั้นตลกที่สุด และเขาไม่เชื่อถือกระบวนการยุติธรรมในขณะนั้น ซึ่งเป็นประเด็นหัวใจต่อคำถามเรื่องถวายฎีกาที่ผู้ถูกลงโทษไม่ยอมรับผิด
และก็มาถึง การยืนยันความจงรักภักดีอีกครั้งด้วยการกล่าวคำปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ผ่านการถ่ายทอดสด
ทักษิณ และทีมงานตั้งใจจะนำเสนอความตั้งใจจริง นำเสนอปัญหาความเดือดร้อนในฐานะผู้ถูกกระทำ และในฐานะผู้จงรักภักดีที่ร้องขอพระบารมีเป็นที่พึ่งผ่านสื่อได้ดี เห็นภาพ หน้าตา ฉากหลัง การกระทำ ภาพที่ร้องเพลงสดุดีมหาราชา และภาพการโค้งคำนับ
พยายามสื่อทั้งภาพ-เสียงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ใจ-จริงใจทั้ง กายกรรม มโนกรรม และ วจีกรรม
ทุกช่วงตอนแทบไม่มีที่ตำหนิได้ มีจุดอ่อนอยู่แค่ช่วงเดียวเท่านั้น !
เป็นรอยตำหนิเล็ก ๆ ที่ไม่น่าเกิด...เพราะมันเป็นประโยคที่ออกแบบมาให้เบี่ยงได้ทั้งซ้ายขวา..ภาษาชาวบ้านก็คือใช้ภาษาทูตมาพูด
เขาบอกว่า เราอยากเห็นความสามัคคี ปรองดองเกิดขึ้นในสังคมไทย อยากเห็นสิทธิเสรีภาพกลับคืนมา อยากเห็นนายกรัฐมนตรีเดินทางไปพื้นที่ต่าง ๆ ได้โดยไม่มีการประท้วง นายกฯ ไปภาคเหนือ-อีสานได้ อีกฝ่ายก็ไปภาคใต้ได้โดยปลอดภัย
ทักษิณบอกย้ำเรื่องนี้ว่าต้องการให้สภาวะดังกล่าวยุติลง !
แต่เนื่องจากชุดคำพูดนี้ไม่มีรายละเอียดจึงสามารถตีความได้ใน 2 นัย
นัยแรก-คือในฐานะที่เป็นผู้จงรักภักดีเป็นผู้อยากเห็นสังคมที่ดี จึงไม่อยากเห็นภาพดังกล่าวเกิดขึ้นอีกต่อไป จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้สภาวะดังกล่าวเกิดต่อไป
นัยที่สอง-เป็นการต่อรองว่า หากไม่มีการพิจารณาแก้ปัญหา...สภาวะแตกแยก ผู้มีอำนาจปัจจุบันไปอีสาน-เหนือก็จะถูกมวลชนกดดันขับไล่ หรือไปทำร้ายเหมือนเช่นเคยเป็น ..
คำพูดดังกล่าวสามารถตีความว่า ทักษิณ กำลังสื่อถึงว่าให้ดำเนินการพิจารณาแก้ปัญหาตามที่ฎีการ้องขอไป หากไม่แก้ปัญหาก็ยังจะเกิดต่อ !!?
น่าเสียดายที่ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ทำให้คำพูดในช่วงนี้กระจ่างชัดเท่าที่ควรจะเป็น เพราะไหน ๆ ก็จัดเตรียมคำพูดเอาไว้ล่วงหน้า
ก็เลยกลายเป็นคำพูดที่อาจตีความว่าทักษิณกำลังต่อรองกับผู้ที่ไม่ควรต่อรองใด ๆ ไปเสียงั้น !
ความเข้าใจผิดดังกล่าวสามารถแก้ได้ด้วยการกระทำ หากทักษิณไม่ได้ต้องการกดดันหรือต่อรองกระบวนการที่จะนำไปสู่พระบรมราชวินิจฉัยจริง จะต้องสื่อสารกับขบวนการคนเสื้อแดงที่ล้วนแต่ต่อเชื่อมโดยตรงเป็นที่รับรู้ประจักษ์ชัด
เพราะนับจากนี้ไปจะเป็นช่วงเวลาของพิสูจน์ว่ากล่าวคำปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ผ่านการถ่ายทอดสดของทักษิณ ชินวัตร ว่าจริงใจด้วยความสัตย์สุจริต หรือเพียงเพื่อสร้างภาพขึ้นมาประกอบกระบวนการถวายฎีกาเท่านั้น
อะไรที่หมิ่นเหม่กับการถูกครหาว่า หน้าไหว้หลังหลอกต้องขจัดให้หมด
* คำกล่าวที่ว่าเสื้อแดงไม่ใช่คอมมิวนิสต์ ก็ต้องทำให้ประจักษ์เพราะเป็นที่รับรู้ว่า มีแกนนำปัจจุบันและกำลังหลบหนีอยู่ต่างประเทศแสดงตนไม่ยอมรับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน
* ไอ้อีหน้าไหนที่เดินสายแจกใบปลิวตามภาคเหนือ-อีสาน โจมตีสถาบันฯ ยกย่องนักโทษแหกคุก เหน็บแนมศูนย์ศิลปาชีพว่าอิจฉาโอทอป ที่ผ่านมาเครือข่ายสีอะไรเอาไปแจกคนที่พื้นที่รู้กันดี
* ทักษิณจะเอาไงกับวิทยุชุมชนปัญญาอ่อนที่ไปงัดบทความซ้ายคร่ำครึเรื่องระบบศักดินาแบบฟิวดัล เรียกร้องให้ชนชั้นกรรมาชีพ รากหญ้ารวมตัวต่อสู้ และใช้คำพูดทำนองว่าปลดแอกจากการกดขี่ศักดินาแถมยังเชียร์ทักษิณออกหน้า
* ทักษิณบอกว่า อยากเห็นสังคมที่สงบสุข ไม่อยากเห็นการไล่ล่าของมวลชน ถ้าไม่ใช่การต่อรองกดดันจริง ทักษิณต้องส่งสัญญาณถึง ส.ส.หน้าโง่บางคนที่ยกพวกไปปิดล้อมข่มขู่การประชุมของอีกฝ่าย เช่นการประชุมของพรรคการเมืองใหม่ในสถานที่ปิดที่พะเยามันยังพวกพวกไปอาละวาด
* ทักษิณอยากเห็นความสงบก็ต้องแสดงความชัดเจนต่อเสื้อแดงอันธพาลเผาบ้านเมือง รวมถึงแดงอันธพาลที่พื้นที่ต่างจังหวัดที่อาละวาดต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มแดงเชียงใหม่ที่กำลังทุบหม้อข้าวของคนทั้งจังหวัดไม่มีใครไปเที่ยว
เพราะทั้งทั้งหมดเป็นคำพูดที่แสดงออกในวาระการทูลเกล้าฯถวายฎีกา และเป็นส่วนหนึ่งของคำปฏิญาณตนต่อพระบรมฉายาลักษณ์
นี่เป็นคำปฏิญาณตนครั้งประวัติศาสตร์ของทักษิณ ชินวัตร จากหมุดหมายตรงนี้การเมืองไทยจะวุ่นขึ้นหรือลดลงเป็นไปได้ทุกหน้า
สิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้เป็นรูปธรรมที่จะพิสูจน์ว่าเขาจริงใจ หรือ หน้าไหว้หลังหลอก
พิสูจน์ว่าเขาจงใจเอาความไม่สงบของบ้านเมืองมาต่อรอง - กดดัน อย่างมิบังควร.....
หรือ แสดงความสุจริตต่อคำว่า “อยากเห็นความปรองดอง สามัคคี สันติสุข” ไม่คาดหวัง ไม่คาดคั้นรอพระบรมราชวินิจฉัยด้วยความภักดีอย่างไม่มีเงื่อนไข .. อย่างแท้จริง !!!