xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องต่อจากคนที่ “จากไป”

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

หากจำกันได้เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการที่ผมไปงานศพเพื่อนสนิทที่ผมเคยมีความรู้สึกดีๆ คนหนึ่งที่จากไป

เธอไปยังสถานที่ริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง ชื่อทะเลสาบวานากา ผมจะไม่บอกว่าอยู่ในประเทศใด และที่ว่าเธอโดนข่มขืนนั้น ผมจะเพิ่มเติมว่าแม้จะจริง แต่ก็เป็นเพราะว่าในภายหลัง (ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตกใจมาก) ครั้งที่ต่อมาเธอว่าสมัครใจ

เธอเล่าว่าคนที่ข่มขืนเธอเป็นเด็กมากๆ อายุยังน้อย คาดตามที่คะเนคงแค่ 16-17 ปี เป็นเด็กผิวขาว หน้าตาก็ดีพอสมควร กิริยามารยาทเรียบร้อย และที่เธอไปรู้จักมักจี่ก็เพราะรถเธอสตาร์ทไม่ติด เขามาช่วยเข็น เธอจึงเลี้ยงข้าว โดยนำมาที่พัก และผัดข้าวผัดแบบไทยให้ และเลี้ยงกาแฟ จนค่ำมาก เรื่องจึงเกิดขึ้น

ระหว่างที่เธอถูกข่มขืนเธออ้างว่าเธอแต่งงานแล้ว และมีครรภ์กลัวเป็นอันตราย แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เป็นเพราะเด็กไม่มีประสบการณ์

หลังจากนั้นเมื่อเกิดขึ้นซ้ำอีก 2 ครั้ง เธอก็คิดว่ามันเป็นความยินยอม

เรื่องนี้เธอพยายามจะลืมไม่เคยเล่าให้ใครฟัง

ผมคิดว่าเรื่องนี้อาจทำให้เธอล้มเหลวในชีวิตสมรสและไม่อยากแต่งงานอีก

เธอเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 40 เศษเท่านั้น

เหตุผลที่เธอขอร้องให้ไปปล่อยอังคารที่ทะเลสางานากา ไม่ใช่เรื่องที่เธอมีอะไรกับเด็ก

แต่เป็นเพราะเธอไปที่นั่นบ่อยครั้งมาก อย่างน้อยไปกับผมและเพื่อน 2-3 ครั้ง และเราไปเล่นสกีกันบริเวณเนินเขาใกล้ๆ ด้วยกัน

ผมเคยไป 2 คน กับเธออยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อฉลองปริญญาแต่มันก็เฉียดฉิว ที่เกือบมีเรื่องที่จะมีอะไรกัน แต่ก็ไม่เกิดเพราะผมคิดว่าความเป็นเพื่อนมีค่ามากกว่า

เท่านี้แหละครับ ที่ผมคิดว่าควรเล่า เหตุที่ไม่อยากจะเล่าก็เพราะมันเกี่ยวกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ซึ่งเห็นว่าไม่สมควร และก็ผิดกฎหมายด้วย

เธอเองก็ละลายอย่างยิ่ง เท่าที่ผมทราบในบันทึกที่ผมได้มา

แต่การที่เรื่องนี้ถูกถ่ายทอด ผมก็หวังว่าผู้อ่านคงจะเห็นใจ ผมไม่ได้เปิดเผยเรื่องราวอื่นใด ไม่ว่าชื่อของบุคคลทั้งสอง

เด็กคนนั้นเวลานี้ก็โตเป็นผู้ใหญ่ และมีงานการทำและค่อนข้างมีชื่อเสียง ย้ายบ้านย้ายประเทศไปอยู่สหรัฐฯโดยเป็นข้าวของซอฟแวร์ที่รู้จักกันดี ผมเองก็ใช้ซอฟแวร์ที่บริษัทนี้นำออกมาขาย

แม้ผมจะไม่ได้เคยพบ แต่ก็ทราบจากเพื่อนผมคนหนึ่งว่าเขาต้องการพบเพื่อนผม เพื่อขอโทษอย่างเป็นเรื่องเป็นราวและเขารู้สึกผิดที่อารมณ์ชั่ววูบทำให้เขาตัดสินใจทำลายคนที่ดีคนหนึ่ง

เมื่อเขาแต่งงาน ผมฝากของขวัญไปให้เขาด้วยชิ้นหนึ่งโดยส่งจากประเทศไทย แต่ผมไม่แน่ใจว่าเขาได้รับหรือไม่ เพราะผมลืมลงทะเบียน เป็นของเล็กๆ ชิ้นเดียวและไม่ได้มีค่ามากนัก

เรื่องราวเหล่านี้ เป็นประสบการณ์ที่ฟังแล้วดูจะไม่น่าเกิดขึ้นได้เลย หากเพื่อนผมรถไม่เสีย และไม่เลือกไปนั่งไปให้อาหารนกเป็ดน้ำในยามใกล้จะค่ำแล้ว

อีกเรื่องหนึ่งคือเพื่อนผมเธอเก่ง และเชี่ยวชาญด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาก ผมเลยเดาเอาว่า เจ้าเด็กคนนั้นคงจะได้แรงบันดาลใจ จากเพื่อนผมไปบ้างแหละ เพราะทริปนั้น เพื่อนเอา Laptop ติดตัวไปด้วย แถมมีโปรแกรมหลายแผ่นติดตัวไปด้วย

หลังจากเรื่องนี้ปรากฏในคอลัมน์นี้ เพื่อนๆ ที่รู้จักผมและเธอ โทรมาต่อว่าผมเป็นการใหญ่ ว่าทำไมถึงเอาเรื่องคนที่เธอไว้ใจที่สุดมาเขียน หลังจากเก็บไว้ตั้งหลายปี

ผมเพียงอธิบายว่า มันน่าจะเป็นบทเรียนชีวิตให้คนอื่นได้รับรู้ว่า อย่าไปวางใจกับคนแปลกหน้า แม้จะดูเรียบร้อย ซื่อ และดูเป็นเด็กๆ ก็เถอะ

ดีที่ไม่พบคนเลว ซึ่งอาจจะทำร้ายเธอยิ่งกว่านี้

หรือดีที่ไม่ทำเธอท้อง

ครับ.... เพื่อนๆ ไม่เข้าใจ และก็เห็นว่า เรื่องแบบนี้ไม่ใช่บทเรียนที่ดี ผมเลยอธิบายว่า พวกเราไปเรียนในต่างแดน แต่งงานกันก็ 4-5 คู่ อยู่กันยืดแค่ 2 คู่ นอกจากนั้นก็หย่าร้างกันหมด เป็นบทเรียนที่แย่ๆ ทั้งนั้น

ความรู้สึกเช่นนี้ ผมว่าหลายคนอาจมีประสบการณ์มาอาจจะต่างกันไป

แต่หวังว่าอย่าให้เกิดขึ้นกันเลยจะดีกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น