สหายเก่าเขตงานภาคเหนือ อย่าง สงวน พงษ์มณี ส.ส. พปช. ลำพูน ประกาศว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วสำหรับสงครามประชาชน
คำประกาศของซ้ายเก่าฮาร์ตคอร์ใช่จะเป็นไปไม่ได้เสียเลย เพราะระยะสัปดาห์มานี้ มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ชนบทโดยขบวนการจัดตั้ง หัวคะแนน-ข้าราชการบางสี ไปปั่นหูชาวบ้านให้เลือกข้าง ระหว่างนายห้าง กับ XXX บ้างไปปั่นในทำนองว่า ฝนตกไม่ทั่วฟ้า แบ่งปันความรักไม่เท่ากัน ไปจนกระทั่งเกิดความลำเอียงขึ้นในแผ่นดิน
ไม่ใช่เฉพาะภาคเหนือเท่านั้นที่มีข่าวนี้ ทางอีสานคุณเจริญ หมู่ขจรพันธ์ ก็แจ้งเช่นกันว่า มีการเหิมเกริมถึงกับบอกกับชาวบ้านว่าทักษิณ ดีกว่า XXX เสียอีก !
น่ากลัวครับ การปลูกฝังความคิดแบบนี้ลงในสังคม โดยเฉพาะในสังคมที่เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร ต้องยอมรับว่าพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่งต้องทำมาหากิน เช้าออกเย็นเหนื่อยมาก็เปิดละครดู ไม่อยากทำอย่างอื่นแล้ว ... ใครใกล้กว่าปั่นหูอย่างไรมีแนวโน้มจะเชื่อเช่นนั้น
ผมนั้นหลีกเลี่ยงที่จะเขียนเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้มาโดยตลอด แต่สำหรับรอบนี้หากไม่ทำอะไรเสียเลยคงไม่ได้เสียแล้ว ... การวางเฉยจะเท่ากับเป็นแนวร่วมมุมกลับ ช่วยส่งเสริมให้เรื่องที่ไม่ควรเกิดขยายวงเติบโตจนอาจเป็นปัญหาใหญ่
คำปราศรัย ป้ายสัญลักษณ์ และลักษณะอาการของม็อบ นปก.สนามหลวง 12-14 ต.ค.ที่ผ่านมา คงจะเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมกันชัดเจน
มีการแสดงออกผ่านสัญลักษณ์ในเว็บบอร์ดต่าง ๆ มีรหัสที่อ่านปั๊บก็รู้ว่าจงใจหมายถึงผู้ใด เผยแพร่กันสนุกปาก ขนาดที่เว็บพันทิปต้องยึดไอดี. สมาชิกหลายคนเพราะเกรงจะเน่าทั้งข้อง ส่วนเว็บประชาไทต้องมีประกาศเตือนให้ยั้ง ๆ เพลา ๆ กันบ้าง
และหากใครได้ฟังคำปราศรัยนายเพชรวรรต ที่เชียงใหม่ฉบับเต็ม จะยิ่งเข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้
ทุกปรากฏการณ์ เกิดบนพื้นที่สาธารณะ หาใช่พื้นที่ใต้ดินเหมือนที่เคยเป็นมา
ขบวนการนี้มันขึ้นจากใต้ดิน ประกาศตนชัดเจนในที่สาธารณะกันอย่างเปิดเผย
ชัดเสียยิ่งกว่าชัด !!!
สงครามประชาชน สามารถเกิดขึ้นได้ในสังคมที่มีโครงสร้างใหม่ทับซ้อนและขัดแย้งกับโครงสร้างแบบเดิม
ปกติแล้วแต่ละสังคมจะมีระบบคุณค่า ระบบความเชื่อ วัฒนธรรมอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวคนในสังคมนั้น ๆ เข้าด้วยกัน เมื่อมีการสร้างระบบคุณค่าใหม่ เช่น การสถาปนาบุคคลขึ้นมาให้จงรักภักดีแทนระบบเดิม การสร้างความรู้สึกถูกกดขี่ ไม่เป็นธรรมปลูกลงไปในกลุ่มคนเพื่อสร้างขบวนการอุดมการณ์ใหม่ ฯลฯ ล้วนแต่จะนำไปสู่ความแตกแยกรุนแรง
20-22 ตุลาคมนี้ เป็นห้วงที่ต้องจับตาใกล้ชิดอย่างยิ่ง
นอกจากการระดมชาวบ้านแล้ว นักการเมืองสามานย์ของบ้านเมืองนี้ยังมีลูกเล่น ใช้ข้าราชการโดยเอาผลประโยชน์เป็นตัวล่อ
กรณีการระดมข้าราชการครูซี 7 เข้ากรุงรอบนี้ไม่ปกติอย่างแน่นอน เพราะปลุกกันเป็นขบวนการเริ่มจากอีสาน กระจายมาเหนือทำกันเป็นระบบหลอกให้ครูที่ต้องการเงินวิทยฐานะเพิ่มไปร่วมชุมนุมเรียกร้องปลดล็อกระบบประเมินวิทยฐานะเดิม
หลอกครูไปเพิ่มปริมาณมวลชนในช่วงก้ำกึ่งหัวก้อย 21 ตุลาคม – เพราะรู้ว่าจุดอ่อนของครูคือเศรษฐกิจชักหน้าไม่ถึงหลัง จึงเอาผลประโยชน์เงินเพิ่ม 5,600 บาทเข้าล่อ
หลอกกันเป็นทอด ๆ เพราะพวกหัวขบวนที่ดำเนินการในแต่ละพื้นที่ บ้างก็เป็นข้าราชการที่ผูกพันกับฝ่ายการเมืองพวกหนึ่ง และบ้างก็เป็นระดับ รองผ.อ.เขตการศึกษา ที่หวังจะขึ้นเป็น ผ.อ.
ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังจะมีการแต่งตั้ง พิจารณา ผ.อ.เขตใหม่ ล็อตใหญ่ที่สุด
ครูที่ไปร่วมม็อบ อาจจะไม่ได้เงินเพิ่มเพราะระบบประเมินวิทยฐานะนั้นมีปัญหามานาน ของเก่าก็เรื้อรังเพราะมีฝ่ายหนึ่งมองว่า ประเมินเลื่อนไปแล้ว ผลผลิตที่ออกมาก็เท่าเดิม ไม่ได้มีประสิทธิภาพเพิ่มแต่อย่างใด จะปล่อยผีล็อตใหญ่ไปเพื่ออะไร ขณะที่ฝ่ายการเมืองก็มองเห็นช่องทาง หลอกได้ก็หลอกไว้ก่อน !
แต่ที่ได้แน่ ๆ คือ ไอ้พวก รอง ผ.อ.เขต ที่ยื่นเสนอตัวเข้าพิจารณา ผ.อ. ใหม่ไว้แล้ว มีสิทธิ์ได้ตำแหน่งก่อนเพราะถึงวาระที่ต้องแต่งตั้งแล้ว เข้ากรุงรอบนี้คือการส่งผลงานนัดสุดท้ายให้ผู้ใหญ่เห็น
ระบบแบบนี้หรือครับ ที่ นปก. และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ บอกว่าเป็นประชาธิปไตย
อยู่เพื่อรักษาประชาธิปไตย หรือ อยู่เพื่อทำลายสังคม ทำลายธรรมาภิบาล ทำลายระบบข้าราชการกันแน่ !!
คนที่ต้องถูกตั้งคำถามอีกคนหนึ่ง คือ ศรีเมือง เจริญศิริ อดีต ส.ว.สายนายหญิง มานั่งตำแหน่งใหญ่รอบนี้เพื่อสร้างหรือทำลายกระทรวงศึกษาธิการกันแน่ ?
ตอนที่อธิการ 30 สถาบันมีมติออกมา ศรีเมือง บอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ของอธิการฯ บอกไม่ให้มายุ่งการเมือง
ผายลมไม่ทันหายเหม็น ! ไอ้ตัวไหนเล่าที่มันหลอกเอาครูมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
นี่แหละสันดานของนักการเมืองในการเมืองระบบเก่า
ขนกันเข้ามา หลอกกันเข้าไป ใช้ชาวบ้าน-ใช้ข้าราชการเป็นเบี้ย
21 ตุลาคมที่จะถึง อาจจะเป็นจุดพลิกผันการเมืองไทยอีกรอบ เพราะดูการเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชาชนในชนบทที่เน้นการเปลี่ยนความคิดที่ละเอียดอ่อนสุ่มเสี่ยง การระดมคน การตระเตรียมแผนเคลื่อนไหวปิดหน้าหลัง ระหว่าง 20-22 ตุลาคม
จักรภพ เคยบอกเมื่อปี 2550 ว่า อยากเห็น สงครามประชาชน
มาปีนี้ ส.ส. พปช. ก็พูดคำเดิม..สงครามประชาชน !
โดยส่วนตัวผมไม่อยากเห็นสงครามเลย โดยเฉพาะสงครามประชาชน แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ขออย่างหนึ่งได้ไหม ...ไอ้พวกแกนนำประกาศสงครามไม่ว่า จักรภพ เพ็ญแข,สงวน พงษ์มณี, นปก. ตลอดถึง ศรีเมือง เจริญศิริ และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์
พวกคุณต้องออกหน้านำทัพนะ อย่าหนีไปต่างประเทศ !!!
ถ้า “สมชาย” หลอกชาวบ้านและครูมาตายแทน ... คุณมันก็แค่ “สมชายกระโปรง” เท่านั้น
และผมจะจำไว้ตลอดชีวิตว่า รัฐบาลสมชายกระโปรงหลอกชาวบ้านมาตายแทนในสงครามประชาชนของพวกมัน !!
คำประกาศของซ้ายเก่าฮาร์ตคอร์ใช่จะเป็นไปไม่ได้เสียเลย เพราะระยะสัปดาห์มานี้ มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ชนบทโดยขบวนการจัดตั้ง หัวคะแนน-ข้าราชการบางสี ไปปั่นหูชาวบ้านให้เลือกข้าง ระหว่างนายห้าง กับ XXX บ้างไปปั่นในทำนองว่า ฝนตกไม่ทั่วฟ้า แบ่งปันความรักไม่เท่ากัน ไปจนกระทั่งเกิดความลำเอียงขึ้นในแผ่นดิน
ไม่ใช่เฉพาะภาคเหนือเท่านั้นที่มีข่าวนี้ ทางอีสานคุณเจริญ หมู่ขจรพันธ์ ก็แจ้งเช่นกันว่า มีการเหิมเกริมถึงกับบอกกับชาวบ้านว่าทักษิณ ดีกว่า XXX เสียอีก !
น่ากลัวครับ การปลูกฝังความคิดแบบนี้ลงในสังคม โดยเฉพาะในสังคมที่เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร ต้องยอมรับว่าพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่งต้องทำมาหากิน เช้าออกเย็นเหนื่อยมาก็เปิดละครดู ไม่อยากทำอย่างอื่นแล้ว ... ใครใกล้กว่าปั่นหูอย่างไรมีแนวโน้มจะเชื่อเช่นนั้น
ผมนั้นหลีกเลี่ยงที่จะเขียนเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้มาโดยตลอด แต่สำหรับรอบนี้หากไม่ทำอะไรเสียเลยคงไม่ได้เสียแล้ว ... การวางเฉยจะเท่ากับเป็นแนวร่วมมุมกลับ ช่วยส่งเสริมให้เรื่องที่ไม่ควรเกิดขยายวงเติบโตจนอาจเป็นปัญหาใหญ่
คำปราศรัย ป้ายสัญลักษณ์ และลักษณะอาการของม็อบ นปก.สนามหลวง 12-14 ต.ค.ที่ผ่านมา คงจะเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมกันชัดเจน
มีการแสดงออกผ่านสัญลักษณ์ในเว็บบอร์ดต่าง ๆ มีรหัสที่อ่านปั๊บก็รู้ว่าจงใจหมายถึงผู้ใด เผยแพร่กันสนุกปาก ขนาดที่เว็บพันทิปต้องยึดไอดี. สมาชิกหลายคนเพราะเกรงจะเน่าทั้งข้อง ส่วนเว็บประชาไทต้องมีประกาศเตือนให้ยั้ง ๆ เพลา ๆ กันบ้าง
และหากใครได้ฟังคำปราศรัยนายเพชรวรรต ที่เชียงใหม่ฉบับเต็ม จะยิ่งเข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้
ทุกปรากฏการณ์ เกิดบนพื้นที่สาธารณะ หาใช่พื้นที่ใต้ดินเหมือนที่เคยเป็นมา
ขบวนการนี้มันขึ้นจากใต้ดิน ประกาศตนชัดเจนในที่สาธารณะกันอย่างเปิดเผย
ชัดเสียยิ่งกว่าชัด !!!
สงครามประชาชน สามารถเกิดขึ้นได้ในสังคมที่มีโครงสร้างใหม่ทับซ้อนและขัดแย้งกับโครงสร้างแบบเดิม
ปกติแล้วแต่ละสังคมจะมีระบบคุณค่า ระบบความเชื่อ วัฒนธรรมอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวคนในสังคมนั้น ๆ เข้าด้วยกัน เมื่อมีการสร้างระบบคุณค่าใหม่ เช่น การสถาปนาบุคคลขึ้นมาให้จงรักภักดีแทนระบบเดิม การสร้างความรู้สึกถูกกดขี่ ไม่เป็นธรรมปลูกลงไปในกลุ่มคนเพื่อสร้างขบวนการอุดมการณ์ใหม่ ฯลฯ ล้วนแต่จะนำไปสู่ความแตกแยกรุนแรง
20-22 ตุลาคมนี้ เป็นห้วงที่ต้องจับตาใกล้ชิดอย่างยิ่ง
นอกจากการระดมชาวบ้านแล้ว นักการเมืองสามานย์ของบ้านเมืองนี้ยังมีลูกเล่น ใช้ข้าราชการโดยเอาผลประโยชน์เป็นตัวล่อ
กรณีการระดมข้าราชการครูซี 7 เข้ากรุงรอบนี้ไม่ปกติอย่างแน่นอน เพราะปลุกกันเป็นขบวนการเริ่มจากอีสาน กระจายมาเหนือทำกันเป็นระบบหลอกให้ครูที่ต้องการเงินวิทยฐานะเพิ่มไปร่วมชุมนุมเรียกร้องปลดล็อกระบบประเมินวิทยฐานะเดิม
หลอกครูไปเพิ่มปริมาณมวลชนในช่วงก้ำกึ่งหัวก้อย 21 ตุลาคม – เพราะรู้ว่าจุดอ่อนของครูคือเศรษฐกิจชักหน้าไม่ถึงหลัง จึงเอาผลประโยชน์เงินเพิ่ม 5,600 บาทเข้าล่อ
หลอกกันเป็นทอด ๆ เพราะพวกหัวขบวนที่ดำเนินการในแต่ละพื้นที่ บ้างก็เป็นข้าราชการที่ผูกพันกับฝ่ายการเมืองพวกหนึ่ง และบ้างก็เป็นระดับ รองผ.อ.เขตการศึกษา ที่หวังจะขึ้นเป็น ผ.อ.
ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังจะมีการแต่งตั้ง พิจารณา ผ.อ.เขตใหม่ ล็อตใหญ่ที่สุด
ครูที่ไปร่วมม็อบ อาจจะไม่ได้เงินเพิ่มเพราะระบบประเมินวิทยฐานะนั้นมีปัญหามานาน ของเก่าก็เรื้อรังเพราะมีฝ่ายหนึ่งมองว่า ประเมินเลื่อนไปแล้ว ผลผลิตที่ออกมาก็เท่าเดิม ไม่ได้มีประสิทธิภาพเพิ่มแต่อย่างใด จะปล่อยผีล็อตใหญ่ไปเพื่ออะไร ขณะที่ฝ่ายการเมืองก็มองเห็นช่องทาง หลอกได้ก็หลอกไว้ก่อน !
แต่ที่ได้แน่ ๆ คือ ไอ้พวก รอง ผ.อ.เขต ที่ยื่นเสนอตัวเข้าพิจารณา ผ.อ. ใหม่ไว้แล้ว มีสิทธิ์ได้ตำแหน่งก่อนเพราะถึงวาระที่ต้องแต่งตั้งแล้ว เข้ากรุงรอบนี้คือการส่งผลงานนัดสุดท้ายให้ผู้ใหญ่เห็น
ระบบแบบนี้หรือครับ ที่ นปก. และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ บอกว่าเป็นประชาธิปไตย
อยู่เพื่อรักษาประชาธิปไตย หรือ อยู่เพื่อทำลายสังคม ทำลายธรรมาภิบาล ทำลายระบบข้าราชการกันแน่ !!
คนที่ต้องถูกตั้งคำถามอีกคนหนึ่ง คือ ศรีเมือง เจริญศิริ อดีต ส.ว.สายนายหญิง มานั่งตำแหน่งใหญ่รอบนี้เพื่อสร้างหรือทำลายกระทรวงศึกษาธิการกันแน่ ?
ตอนที่อธิการ 30 สถาบันมีมติออกมา ศรีเมือง บอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ของอธิการฯ บอกไม่ให้มายุ่งการเมือง
ผายลมไม่ทันหายเหม็น ! ไอ้ตัวไหนเล่าที่มันหลอกเอาครูมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
นี่แหละสันดานของนักการเมืองในการเมืองระบบเก่า
ขนกันเข้ามา หลอกกันเข้าไป ใช้ชาวบ้าน-ใช้ข้าราชการเป็นเบี้ย
21 ตุลาคมที่จะถึง อาจจะเป็นจุดพลิกผันการเมืองไทยอีกรอบ เพราะดูการเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชาชนในชนบทที่เน้นการเปลี่ยนความคิดที่ละเอียดอ่อนสุ่มเสี่ยง การระดมคน การตระเตรียมแผนเคลื่อนไหวปิดหน้าหลัง ระหว่าง 20-22 ตุลาคม
จักรภพ เคยบอกเมื่อปี 2550 ว่า อยากเห็น สงครามประชาชน
มาปีนี้ ส.ส. พปช. ก็พูดคำเดิม..สงครามประชาชน !
โดยส่วนตัวผมไม่อยากเห็นสงครามเลย โดยเฉพาะสงครามประชาชน แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ขออย่างหนึ่งได้ไหม ...ไอ้พวกแกนนำประกาศสงครามไม่ว่า จักรภพ เพ็ญแข,สงวน พงษ์มณี, นปก. ตลอดถึง ศรีเมือง เจริญศิริ และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์
พวกคุณต้องออกหน้านำทัพนะ อย่าหนีไปต่างประเทศ !!!
ถ้า “สมชาย” หลอกชาวบ้านและครูมาตายแทน ... คุณมันก็แค่ “สมชายกระโปรง” เท่านั้น
และผมจะจำไว้ตลอดชีวิตว่า รัฐบาลสมชายกระโปรงหลอกชาวบ้านมาตายแทนในสงครามประชาชนของพวกมัน !!