xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights&:อุตสาหกรรมภาคบริการกับการผลักดันขั้นสุดของจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


งานมหกรรมการค้าบริการระหว่างประเทศของจีน (CIFTIS) มีเป้าหมายผลักดันเศรษฐกิจบริการ สร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และเปิดตลาดบริการของจีนสู่ต่างประเทศ (ภาพจาก เวยปั๋ว)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล


ไม่นานมานี้ผู้เขียนได้ไปร่วมสัมมนาวิชาการหนึ่งในมหาวิทยาลัยในปักกิ่ง มีการให้ความสำคัญและถกประเด็นกันในเรื่องภาคอุตสาหกรรมบริการ โดยสรุปแล้วความเห็นของนักวิชาการจีนไปในทางเดียวกันคือ "อุตสาหกรรมบริการจีน" ต้องให้ความสำคัญเป็นการพัฒนาระดับชาติ เสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นในบทความนี้ผู้เขียนอยากจะมาขยายความและเล่าสู่กันฟังถึงภาคอุตสาหกรรมของจีนว่าเป็นอย่างไรแล้วทำไมถึงจะพยายามถูกยกขึ้นมาเป็นวาระแห่งชาติ

มูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมภาคบริการจีนในปี 2024 อยู่ที่ 76 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2023 และช่วยดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เติบโต 2.8% ต่อปี โฆษกสำนักงานสถิติและรองอธิบดีกรมสถิติด้านเศรษฐกิจแห่งชาติ นางหวัง กวนฮวา เคยกล่าวไว้ว่า ภาคบริการเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจประเทศ และภาคบริการของจีนมีขนาดเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนของภาคบริการต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มสูงขึ้น อุตสาหกรรมบริการรูปแบบใหม่ เช่น การสื่อสารข้อมูลและบริการทางธุรกิจ ICT เติบโตอย่างรวดเร็ว รูปแบบธุรกิจและรูปแบบการให้บริการใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาคบริการจึงเป็นเครื่องยนต์หลักและความหวังใหม่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

ปี 2024 อุตสาหกรรมการสื่อสารข้อมูล ซอฟต์แวร์และบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ, อุตสาหกรรมให้เช่า/บริการทางธุรกิจ และอุตสาหกรรมการเงิน เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.9%, 10.4% และ 5.6% ตามลำดับ ทั้งสามส่วนนี้ร่วมกันช่วยผลักดันให้มูลค่าเพิ่มของภาคบริการโดยรวมเติบโตขึ้น 2.3% ผู้เชี่ยวชาญจีนมองว่า ภาคบริการมีแนวโน้มที่จะคงการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมบริการรูปแบบใหม่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งทำให้เกิดรูปแบบบริการและรูปแบบธุรกิจใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 ธุรกิจด้านไอทีเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมบริการที่จีนกำลังให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด (ภาพจาก เวยปั๋ว)
จีนมีอีกหนึ่งเป้าหมายสู่ประเทศที่ยิ่งใหญ่ในด้านอุตสาหกรรมบริการ (服务业强国) ตาม “แผนแม่บทการพัฒนานวัตกรรมภาคบริการ ปี 2017–2025” จีนมีเป้าหมายว่าจะทำให้มูลค่าเพิ่มของภาคบริการมีสัดส่วนถึง 60% ของ GDP และ สัดส่วนการจ้างงานในภาคบริการอยู่ที่ 55% เพื่อก้าวสู่การเป็นประเทศมหาอำนาจด้านภาคบริการอย่างเต็มตัว ในกระบวนการสร้างต้องเป็นการบูรณาการเชิงลึกระหว่างภาคบริการกับภาคการผลิตและภาคเกษตรกรรม, ปรับโครงสร้างการให้บริการให้เหมาะสม, เสริมสร้างบทบาทในการกำหนดมาตรฐาน, และ สร้างศูนย์เศรษฐกิจบริการหลายระดับ เพื่อรองรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป้าหมายสุดท้ายภายในปี 2050 จีนจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจด้านภาคบริการได้อย่างสมบูรณ์

การพัฒนาภาคบริการของจีนในปัจจุบันมีลักษณะเด่นคือ ภาคบริการเพื่อการผลิต (生产性服务业) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาคบริการเพื่อการดำรงชีวิต (生活性服务业) ก็มุ่งสู่คุณภาพที่สูงขึ้น เช่น อุตสาหกรรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ภาคบริการเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตอย่างชัดเจน ระหว่างเดือนม.ค.ถึงส.ค. ปีนี้ (2025) รายได้ของภาคบริการเศรษฐกิจดิจิทัลแตะ 1.6 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน อุตสาหกรรมให้เช่าและบริการทางธุรกิจ เพิ่มขึ้น 10.4% และอุตสาหกรรมคมนาคม การขนส่ง คลังสินค้าและไปรษณีย์เพิ่มขึ้น 7.0% อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นกว่า 10%

ความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมบริการสาขาที่เกิดใหม่อย่างเศรษฐกิจดิจิทัลและอี-คอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเติบโตอย่างรวดเร็ว มีโครงการ “5G + อุตสาหกรรม” มากกว่า 18,500 โครงการ ครอบคลุมอุตสาหกรรมกว่า 41 สาขา อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนจีน มูลค่าการซื้อขายทะลุ 7.5 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในพื้นที่ของจีนที่มีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมบริการแนวใหม่ที่โดดเด่นเช่น เมืองหนานทงทางตะวันออกของจีน ปี 2024 มูลค่าการซื้อขายอี-คอมเมิร์ซข้ามพรมแดนทะลุ 7.5หมื่นล้านหยวน เศรษฐกิจดิจิทัลของเมืองมีสัดส่วนใน GDP เพิ่มขึ้นเป็น 9.6% เขตฉงชวนของเมืองหนานทงมีการพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมดิจิทัลอย่างรวดเร็วครอบคลุมสาขา เช่น อีคอมเมิร์ซไลฟ์สด, อีสปอร์ต, แอนิเมชันและเกม, สื่อดิจิทัล และบริการด้านเทคโนโลยีสื่อ มี Nantong Digital Culture Industry Park เปิดดำเนินการในกลางปี2025นี้ มีบริษัทกว่า 14 แห่งเข้ามาลงทุน ส่วนใหญ่เป็นบริษัทด้านการผลิตสื่อด้วย AI และแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆแสดงให้เห็นว่าเมืองหนานทงกำลังเป็นหนึ่งในเมืองต้นแบบของจีน ที่กำลังส่งเสริมการผสานระหว่าง “วัฒนธรรม + เทคโนโลยี + บริการ” เพื่อขยายภาคบริการจากรูปแบบดั้งเดิมสู่บริการคุณภาพสูงรูปแบบใหม่ รัฐบาลของเมืองหนานทงเองก็มีมาตรการส่งเสริมในด้านการสร้างแพลตฟอร์มบริการและการปรับปรุงบริการภาครัฐให้สะดวกขึ้น ทำให้ภาคบริการกลายเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนใหม่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองนี้

อินฟลูฯจีนมองว่าเศรษฐกิจจีนในขณะนี้ อุตสาหกรรมที่กำลังประสบกับปัญหาเงินฝืดเริ่มปรับตัวเองเข้ามาในอุตสาหกรรมด้านบริการ (ภาพจาก Bilibili )
ถึงแม้ว่าการพัฒนาของจีนเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว แต่การแข่งขันด้านอุตสาหกรรมบริการในระดับโลกจีนยังต้องเผชิญกับความท้าทายอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมบริการด้านสินค้าไฮเทค ในระยะสั้นนี้จีนยังไม่สามารถแซงหน้าประเทศพัฒนาแล้วในด้านฮาร์ดแวร์ แต่จีนพยายามเพิ่มการลงทุนในการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยเพิ่มอำนาจควบคุมในโครงสร้าง เช่น การผลิตที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ จะเป็นแรงผลักในการยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมชิปทั้งระบบ การใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวเชื่อมระหว่างการออกแบบ การผลิต และจัดการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสามารถให้ควบคุมระบบเองได้ เช่น Huawei พัฒนาระบบปฏิบัติการ HarmonyOS และซอฟต์แวร์ Ascend AI platform เพื่อรองรับชิป AI ที่ออกแบบเอง อธิบายให้เข้าใจง่ายคือซอฟต์แวร์คือสมองและฮาร์ดแวร์คือร่างกาย จีนกำลังสร้างสมองของตนเอง เพื่อให้ร่างกาย (อุตสาหกรรมชิป) ทำงานได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากต่างชาติ การพัฒนา Software-driven Manufacturing จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมชิปทั้งระบบนั่นเอง

ขนาดอุตสาหกรรมบริการเพื่อการผลิตของจีนเทียบกับสหรัฐฯ ยังถือว่าต่ำมาก ดังนั้นแม้ภาคบริการเพื่อการผลิตของจีนเติบโตเร็ว แต่ยังอยู่ระยะเริ่มต้นของการพัฒนา  มูลค่าเพิ่ม (Value Added) ของอุตสาหกรรมบริการต่อสัดส่วน GDP ของประเทศต่างๆในโลก: ของสหรัฐฯ เท่ากับ 48.8% , ของจีน 30.3%, ส่วนของเยอรมนี ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อยู่ที่ประมาณ 35% เทียบกับประเทศเหล่านี้ จีนถือว่าอยู่ในระดับต่ำดังนั้นยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก อีกทั้งภาคบริการเพื่อการผลิตของจีนเน้นแรงงานเป็นหลักและการกระจายตัวของอุตสาหกรรมยังไม่สมดุล โดยแรงงานที่มีความรู้หนาแน่น (Knowledge-intensive) น้อยกว่า 1/3 ขณะที่สหรัฐฯ แรงงานที่มีความรู้หนาแน่นมีเกือบครึ่งหนึ่ง เช่น งานด้านบริการสารสนเทศและการสื่อสาร

จีนยังมีความสามารถแข่งขันต่ำกว่าสหรัฐฯ สะท้อนว่า จีนคงยังขาดแคลนอุตสาหกรรมบริการด้าน R&D และเทคโนโลยี จากรายงาน “China ICT Talent Ecosystem White Paper” ระบุว่าจีนมีช่องว่างบุคลากร ICT กว่า 20 ล้านคน โดยขาดแคลนแรงงานในสาขาต่างๆ ได้แก่ สาขา Cloud Computing 5.71 ล้านคน, AI (Artificial Intelligence) 3.78 ล้านคน และด้านระบบ HarmonyOS 1.7 ล้านคน

เพราะเหตุนี้จีนจึงต้องเร่ง พัฒนาทุนมนุษย์, ปฏิรูประบบการเงิน, ผลักดันการผลิตขั้นสูงและบูรณาการบริการกับอุตสาหกรรมเพื่อสร้างระบบบริการเพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพแข่งขันระดับโลกได้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจคุณภาพสูงในระยะยาว จะเห็นได้ว่าการผลักดันอุตสาหกรรมภาคบริการของจีนมีเหตุและปัจจัยที่เอื้อประโยชน์ค่อนข้างมาก เนื่องจากจีนวางรากฐานก่อนหน้ามาเป็นอย่างดีและในขณะนี้เริ่มเห็นดอกผลแล้ว ประเด็นสำคัญคือดอกผลที่ว่ากำลังจะเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจใหม่ของจีน ความหวังใหม่นี้จะมาแทนที่อุตสาหกรรมและการเติบโตแบบเก่าๆ (การพึ่งพาภาคอสังหาฯเพื่อการเติบโตหมดไป)



กำลังโหลดความคิดเห็น