ก่อนที่จีนจะเปิดการประชุมเต็มคณะสมัยที่สี่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ซึ่งเป็นการประชุมปิดลับระหว่างวันที่ 20-23 ต.ค.นี้ ได้เกิดเหตุการณ์พลิกผันครั้งสั่นสะเทือนในเวทีการเมืองและการทหารแดนพญามังกร นั่นก็คือ แถลงการณ์ทางการเรื่องปลด 9 นายพลของกองทัพจีน
ในเย็นวันศุกร์ที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน จางเสี่ยวกัง ออกมาแถลงประกาศิตลงดาบ 9 บิ๊กทหารระดับนายพล โดยเป็นคำสั่งขับออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน และปลดออกจากตำแหน่งในกองทัพ ในข้อหาละเมิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยกลุ่ม 9 นายพลที่ถูกปลดฯนี้ รวมทั้งสหายที่เคยใกล้ชิดไว้วางใจมากที่สุดของสีจิ้นผิง คือ เหอเว่ยตง และเหมียวหวา
สำหรับการปลดนายทหาร 9 นาย ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกลางพรรคฯ คณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง และคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยส่วนกลาง
โฆษกกระทรวงกลาโหม จางเสี่ยวกัง แถลงถึงสาเหตุการปลดฯ ว่า เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงทั้งเก้าได้กระทำการละเมิดวินัยพรรคฯอย่างร้ายแรง พัวพันกับการทุจริตใช้อำนาจทางมิชอบร้ายแรงซึ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล และสร้างความเสียหายอย่างหนักมาก โดยนายพลทั้งเก้าที่ถูกปลดจะถูกส่งตัวให้ศาลทหารดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีอาญา ที่อาจต้องโทษจำคุก เพื่อบรรลุภารกิจขจัดคอรัปชันภายในพรรคฯและกองทัพ มิให้มี “ทั้งเสือใหญ่และแมลงวัน” แอบแฝงบ่อนทำลายชาติ
ในวันถัดมา (18 ต.ค.) หนังสือพิมพ์กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ) ออกมาแจงยิบถึงปัญหาและความผิดอันร้ายแรงของกลุ่มนายทหารระดับสูงที่ถูกขับออกจากพรรคฯและกองทัพครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการปลดเจ้าหน้าที่ทหารที่ครองยศตำแหน่งสูงที่สุดและมีจำนวนมากสุดในคราวเดียวอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนหน้านี้
“ในฐานะที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคฯและกองทัพ กลับได้ละทิ้งปณิธานดั้งเดิมแห่งการปฏิวัติ, ละทิ้งหลักการของพรรคฯ, ศรัทธาล่มสลาย สิ้นความจงรักภักดี, ทำลายความไว้วางใจของคณะกรรมการกลางพรรคฯ และคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง, ทำลาย ‘หลักการพรรคฯชี้นำปืน’อย่างร้ายแรง, ทำลายการนำร่วมอย่างร้ายแรง, ทำการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อพื้นฐานความคิดทางการเมืองในการผลักดันความสามัคคีของกองทัพทุกหน่วยเหล่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างความเสียหายอย่างหนักมากในการดำเนินภารกิจของพรรคฯ การเสริมสร้างกองทัพและการป้องกันดินแดน ตลอดจนภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าระดับสูง
สำหรับกลุ่มนายทหารระดับสูงในกองทัพจีน ที่ถูกปลด มีรายนามดังต่อไปนี้
- เหอ เว่ยตง สมาชิกกรมการเมือง (โปลิตบูโร) แห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯ และรองประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง,
- เหมียว หวา อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองประจำคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง,
- เหอ หงจวิน อดีตรองผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการประจำฝ่ายงานการเมืองประจำคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง,
- หวัง ซิ่วปิน อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการปฏิบัติการร่วมของคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง,
- หลิน เซียงหยาง อดีต ผบ.กองบัญชาการยุทธภูมิภาคตะวันออก,
- ฉิน ซู่ถง อดีตกรรมาธิการฝ่ายการเมืองประจำกองทัพบก,
- หยวน หวาจื้อ อดีตกรรมาธิการฝ่ายการเมืองประจำกองทัพเรือ,
- หวัง โฮ่วปิน อดีตผู้บัญชาการกองทัพจรวด,
- หวัง ชุนหนิง อดีตผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจประชาชนติดอาวุธ
นอกไปจากเหตุผลการปราบปรามคอรัปชั่นแล้ว การลงดาบ 9 นายพลจีนครั้งนี้ ได้พิสูจน์ถึงความยืนหยัดอย่างเด็ดขาดในสองเรื่องที่สีจิ้นผิงยึดถือเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดในการครองอำนาจพพรรคฯ คือ “หลักการพรรคฯชี้นำปืน” (党指挥枪原则) ซึ่งเป็นความคิดที่สีจิ้นผิงสืบทอดจากเหมาเจ๋อตงและยึดถืออย่างเหนียวแน่น โดย“หลักการพรรคฯชี้นำปืน” เป็นหลักพื้นฐานการเสริมสร้างกองทัพของพรรคฯ และพรรคคือผู้นำกุมอำนาจสูงสุดเหนือกองทัพ
สีจิ้นผิงเคยกล่าวเกี่ยวกับความซื่อสัตย์จงรักภักดี “忠诚不绝对 绝对不忠诚” แปลว่า “ความซื่อสัตย์ภักดีที่ไม่ถึงเต็มถึงขีดสุด ก็คือความไม่ซื่อสัตย์ภักดีอย่างแท้จริง”
จากรายชื่อนายทหารที่ถูกปลดฯ ผู้ที่สร้างความตื่นตะลึงมากสุด คือ เหอเว่ยตง ซึ่งกุมอำนาจใหญ่อันดับที่สองในกองทัพรองจากสีจิ้นผิง และเหมียวหวา นายพลทั้งสองเคยเป็นสหายใกล้ชิดและไว้วางใจของสีจิ้นผิง และเป็นสมาชิกในมุ้งการเมืองเดียวกับสีจิ้นผิง คือ “มุ้งการเมืองฝูเจี้ยน” (福建派系/Fujian Clique)
เหอเว่ยตง ผู้ถือกำเนิดในมณฑลฝูเจี้ยน และเคยร่วมงานกับสีจิ้นผิงในสมัยที่สีจิ้นผิงดำรงตำแหน่งการเมืองในมณฑลฝูเจี้ยนทางภาคใต้จีน (อยู่ตรงข้ามกับไต้หวัน) เป็นเวลานานเกือบ 20 ปี (1985-2002)
ส่วนเหมียวหวา ถือกำเนิดในมณฑลฝูเจี้ยนเช่นกัน และเคยร่วมงานกับสีจิ้นผิง ทั้งเหอ และเหมียว เป็นกลุ่มที่สนับสนุนการรวมชาติไต้หวัน (台海帮)และจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีบทบาทสำคัญในการบรรลุนโยบายไต้หวันของจีน ด้วยความรู้ลึกทะลุปรุโปร่งและทรงอิทธิพลในช่องแคบไต้หวัน
มาถึงตอนนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า สีจิ้นผิง ได้ธำรงและพิทักษ์ความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลักการพรรคฯชี้นำปืน” และลงดาบอย่างเด็ดขาดต่อผู้ที่ย่อหย่อนหรือไม่จงรักภักดี
ขณะนี้โลกกำลังจับตาดูว่าในการประชุมเต็มคณะของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะสิ้นสุดในวันพฤหัสฯ (23 ต.ค.) นี้ นอกจากการแถลงวาระหลักของการประชุมฯคือ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 (2026-2030) แล้ว จะมีการประกาศรายชื่อผู้ใดมานั่งตำแหน่งแทนที่เหล่าบิ๊กที่ถูกล้างบางออกไปสังเวียนอำนาจใหญ่แดนมังกร.