เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 Xiaomi Auto ประกาศอย่างเป็นทางการว่า รถยนต์รุ่นท็อป "Xiaomi SU7 Ultra" จะเปิดขายอย่างเป็นทางการวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ หลังจากที่เปิดให้จองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมปีที่แล้ว ด้วยราคาพรีเซลที่ 814,900 หยวน (ประมาณ 4 ล้านบาท) ซึ่งเพียงแค่ 10 นาทีแรกหลังเปิดจอง สามารถทำยอดจองได้สูงถึง 3,680 คัน โดยเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ CEO เหลยจวิน (Lei Jun) วางไว้คือ 10,000 คัน
Xiaomi SU7 Ultra เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ออกแบบในสไตล์สปอร์ตโดดเด่นด้วยสีตัวถัง “Flash Yellow” สีเหลืองสดพร้อมลายกราฟิกสีเงินสุดโฉบเฉี่ยว มาพร้อมชุดแต่งแอโรไดนามิกเต็มรูปแบบ ดีไซน์หน้ารถติดตั้งสปอยเลอร์หน้าและครีบอากาศ U-shaped ขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มแรงกดที่ส่วนหน้า และช่องรับลมขนาดใหญ่ขึ้นอีก 10% ด้านหลังมีสปอยเลอร์คาร์บอนไฟเบอร์ขนาดใหญ่ที่ปรับระดับได้ ขนาดกว้าง 1,560 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มแรงกดได้สูงสุด 285 กิโลกรัม
ตัวรถใช้ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ถึง 17 จุดทั่วคัน เพื่อลดน้ำหนักรวม เช่น หลังคา พวงมาลัย แผงคอนโซล แผงข้างประตู และบันไดรถ โดย 90% ของชิ้นส่วนผลิตด้วยเทคโนโลยี Hot Pressing คุณภาพสูง รวมพื้นที่คาร์บอนไฟเบอร์กว่า 3.74 ตารางเมตร
ภายในยังคงธีมสีเหลืองสปอร์ตด้วยวัสดุ Alcantara คุณภาพสูงครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 5 ตารางเมตร ตั้งแต่พวงมาลัย เบาะนั่ง และแผงหน้าปัด พร้อมพวงมาลัยดีไซน์พิเศษแบบท้ายตัด วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ผสม Alcantara ที่จับถนัดมือ และมีปุ่ม Boost สีแดงเพิ่มกำลัง พร้อมเข็มขัดนิรภัยสีเหลืองสดใส สร้างอารมณ์สปอร์ตเต็มพิกัด
ด้านสมรรถนะ Xiaomi SU7 Ultra ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวในรูปแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) รวมกำลังสูงสุด 1,548 แรงม้า (1,548PS) ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 1.98 วินาที และจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.86 วินาที ความเร็วสูงสุดเกิน 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
SU7 Ultra ติดตั้งแบตเตอรี่สมรรถนะสูง “CATL Qilin II” ขนาด 93.7 kWh ให้กำลังปล่อยไฟสูงสุด 1,330 kW และยังสามารถชาร์จเร็วสูงสุดด้วยกำลัง 480 kW ทำให้ชาร์จจาก 10% ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 11 นาที
ระบบเบรกก็จัดเต็มด้วยจานเบรกคาร์บอนเซรามิกคุณภาพสูงจากสนามแข่ง เส้นผ่านศูนย์กลางจานเบรกคู่หน้าขนาดใหญ่ถึง 430 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์จาก Akebono แบบ 6 ลูกสูบที่ล้อหน้า และ 4 ลูกสูบที่ล้อหลัง แผ่นเบรกจาก ENDLESS รองรับอุณหภูมิการใช้งานสูงสุด 1,100 องศาเซลเซียส โดยระบบเบรกสามารถหยุดรถจากความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถึงจุดหยุดนิ่งในระยะเพียง 30.8 เมตร และยังสามารถเบรกต่อเนื่อง 10 ครั้ง จากความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยไม่เกิดการลดทอนประสิทธิภาพ
ช่วงล่างสามารถเลือกติดตั้งโช้กอัพปรับระดับได้ของ Bilstein รุ่น EVO T1 ที่ออกแบบพิเศษสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ปรับได้ทั้งความสูงและระดับความหนืด เพื่อให้สมรรถนะในการควบคุมสูงสุดทั้งการเร่ง การเบรก และการเข้าโค้ง
สำหรับโหมดขับขี่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น โหมดแข่งรถทางไกล โหมดดริฟต์ โหมดปรับแต่งเอง และยังมีโหมดสำหรับการใช้งานทั่วไปอีกหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผู้ขับขี่แต่ละคน นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัย การใช้งานโหมดสนามแข่งครั้งแรก ผู้ขับขี่ต้องผ่านการรับรองความสามารถในการขับขี่ก่อน
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Xiaomi SU7 Ultra คือแอปพลิเคชันสำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ ที่สามารถบันทึกเวลาแข่ง วิเคราะห์ผลการขับขี่ และแชร์วิดีโอการแข่งขันได้ด้วย
ที่มา : NetEase Auto (网易汽车)
