xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights : คลื่นทุนจีนทะลักเข้าไทยกับความเสี่ยงที่แฝงเข้ามาด้วยมากขึ้นๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


1)ชาวจีนกลุ่มหนึ่งได้ฉกฉวยช่องโหว่ฟรีวีซ่า เข้ามายังไทยอย่างง่ายดายเพื่อทำมาหากิน ในภาพ ป้ายเขียนว่า “จีนไทยพี่น้องกัน” ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ  (แฟ้มภาพ ก.ย.2023 ซินหัว)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล

หนึ่งในประเด็นร้อนของสังคมไทยขณะนี้น่าจะไม่พ้นเรื่องของกระแสทุนจีนที่รุกคืบเข้าไทยทุกภาคส่วน ธุรกิจจีนรุกเข้ามาแทรกตัวอยู่ในทุกภาคธุรกิจในประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจและอาชีพสงวนอย่างร้านเสริมสวย ช่างทำผมยังมีช่างทำผมคนจีนเข้ามาเปิดร้านบริการลูกค้าโดยตรง มีสื่อและบทความมากมายกล่าวถึงทุนจีนที่กำลังเขมือบไทย

ผู้เขียนมองว่าคนไทยน่าจะต้องตื่นตัวอย่างจริงจังกันแล้ว เพราะทุนของมหาชนชาวจีนที่เข้ามาไทยรอบนี้แห่เข้ามาอย่างง่ายดายโดยใช้ “ช่องว่างฟรีวีซ่า” ที่ไม่ได้เข้ามาท่องเที่ยว แต่กลับเข้ามาทำมาหากิน เพราะช่องโหว่ที่มีมากมายนี้เป็นโอกาสให้บางเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐของไทยโกยเงินจากทุนจีนได้อย่างมหาศาล

การที่มหาชนจีนเข้าไทยจำนวนมากขึ้นๆ ในระยะหลังนี้ ผู้เขียนมองว่าการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวก็ส่วนหนึ่งแต่ยังไม่มากถึงระดับก่อนโควิด-19 อีกส่วนหนึ่งเดินทางเข้าไทยเพื่อค้าขายทำธุรกิจซึ่งมีทั้งทำในกลุ่มคนจีนด้วยกันกับร่วมมือกับนักธุรกิจไทย

และแน่นอนว่าเหรียญมีสองด้าน การที่คนจีนเข้ามาในประเทศไทยมีทั้งนำประโยชน์มาให้ และนำความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง โดยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นมีหลายด้าน ดังต่อไปนี้

1.การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม การเข้ามาของคนจีนจำนวนมากอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม การดำรงชีวิตของคนในท้องถิ่น ซึ่งอาจก่อความไม่เข้าใจหรือความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนท้องถิ่นและผู้อพยพเข้ามาใหม่ ซึ่งขณะนี้ในกลุ่มคนไทยเองไม่ว่าจะในโซเซียลมีเดียหรือชุมชนเริ่มมีเสียงสะท้อนผลกระทบจากกลุ่มคนจีนใหม่ที่เข้ามาตั้งหลักปักฐาน

2.การท่องเที่ยวแบบไม่ยั่งยืน เพราะปัจจุบันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจีนมายังไทย ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำถูกผูกขาดโดยกลุ่มผู้ประกอบการจีน นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากๆเข้ามาสร้างความแออัดในแหล่งท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวบางกลุ่มไม่รักษาสิ่งแวดล้อมทำลายทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นเสื่อมโทรม เป็นต้น

บล็อกเกอร์ชาวจีนตั้งประเด็น “ทำไมคนถึงอยากไปตั้งหลักปักฐานและใช้ชีวิตบั้นปลายที่ไทย”  (ภาพแคปจากโซเชียลจีน Bilibili)
3.ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงจนคนในท้องถิ่นจับต้องไม่ได้ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้น การที่คนจีนเข้ามาลงทุนในไทยโดยเฉพาะในธุรกิจอสังหาฯ นำไปสู่การขึ้นราคาของอสังหาฯ ในประเทศ ผลที่เกิดขึ้นคือคนไทยส่วนใหญ่มีบ้านยากขึ้น ราคาสูงขึ้นจนจับต้องไม่ได้ แล้วที่ไหนเป็นแหล่งที่มีชาวต่างชาติกระจุกตัวมาก ส่วนใหญ่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคค่าครองชีพจะสูงขึ้น กระทบกับคนท้องถิ่น

4.การฟอกเงินและอาชญากรรมข้ามชาติ  ในบางกรณีมีความเสี่ยงที่คนจีนอาจเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงิน การค้าอาวุธ เว็บพนันออนไลน์ ภัยคอลเซ็นเตอร์ หรือการค้ายาเสพติด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

5.การเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย  คนจีนจำนวนไม่น้อยเข้ามาทำงานในไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการจ้างงานและการแข่งขันในตลาดแรงงานของคนไทย ปัจจุบันมีผู้รับเหมาชาวจีนจำนวนมากมาดำเนินธุรกิจในไทยเอง ส่วนคนงานก่อสร้างก็นำคนจีนเข้ามาโดยใช้ช่องโหว่ฟรีวีซ่า 60 วัน

ผู้เขียนมองว่าปัจจุบันไทยเปิดกว้างมากจนหลายสิ่งอย่างเริ่มเสียสมดุล การควบคุมและกฎระเบียบของภาครัฐที่พยายามสกัดความเสี่ยงเหล่านี้ยังไม่เข้มข้นพอ อีกทั้งคอร์รัปชันที่มีอยู่ทุกหย่อมหญ้าเสมือนดาบที่คอยทิ่มแทงทำร้ายประเทศไทยเอง

อีกกระแสที่ชัดเจนคือ มหาชนจีนรุ่นใหม่อีกกลุ่มเลือกมาเรียนระดับอุดมศึกษาในไทย เพราะคุณภาพการศึกษาของไทยค่อนข้างดี มีหลักสูตรอินเตอร์ที่รองรับนักศึกษาต่างประเทศ บางมหาวิทยาลัยเปิดคณะสำหรับนักศึกษาจีนและสอนเป็นภาษาจีนโดยเฉพาะด้วย ปัจจุบันมีหลายมหาวิทยาลัยไทยเปิดรับนักศึกษาจีนโดยเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักเพราะสำหรับนักศึกษาจีนแล้วค่าเทอมหลักสูตรอินเตอร์ของบางมหาวิทยาลัยไม่ได้แพงมาก และเนื่องด้วยมหาวิทยาลัยไทยหลายแห่งต้องดิ้นรนเพื่อจะมีชีวิตรอดในยามที่นักศึกษาไทยเข้าเรียน

มหาวิทยาลัยมีจำนวนลดน้อยลง จึงต้องหันมาเจาะกลุ่มนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนจีนมากขึ้น กลุ่มคนจีนกลุ่มนี้หลังจากเรียนจบแล้วส่วนใหญ่ก็หางานที่เกี่ยวข้องกับไทย-จีน และจะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสแย่งงานหรือแข่งทำธุรกิจกับคนไทยมากที่สุด เพราะเรียนจบที่ไทยจึงความคุ้นเคยและเข้าใจคนไทย ประเทศไทย เห็นช่องทางทำมาหากินได้มากกว่าคนจีนที่ไม่เคยได้มาสัมผัสกับประเทศไทย

ภาพปกและโปรยในช่องสนทนาของชาวเน็ตจีน เขียนว่า “ถ้าแบกไม่ไหวแล้วหนีไปพักที่ไทยได้ไหม” (ภาพแคปจากโซเชียลจีน เสี่ยวหงชู)
ในสื่อจีนมีการแชร์เรื่องราวนักธุรกิจจีนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในตลาดไทย มีการตั้งหัวข้อสนทนา “เรื่องราวการเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทยของคนจีนธรรมดา” โดยมีกรณีตัวอย่างที่โดดเด่น ดังต่อไปนี้

1.นายเฉิน หยู - เจ้าพ่อทุเรียน นายเฉินเป็นชาวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยในปี 2013 และเริ่มต้นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ชื่อ “Durian Cat” ด้วยความเข้าใจในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซและการมองเห็นโอกาสในตลาดทุเรียน นายเฉินได้พัฒนา “Durian Cat” ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยยอดขายปีละมากกว่า 1 พันล้านบาท ความสำเร็จของนายเฉินเป็นแรงบันดาลใจให้นักธุรกิจจีนหลายคนที่มาแสวงหาโอกาสในประเทศไทย

2.นายโจว หยู - ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน โดยนายโจว หยู เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่จากจีนที่ก่อตั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในไทยชื่อ “WeMall” ในปี 2016 แพลตฟอร์มนี้รวบรวมสินค้าจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และแหล่งสินค้าอื่นๆ ให้ผู้บริโภคชาวไทย แพลตฟอร์มนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จของนายโจว หยู พิสูจน์ให้เห็นว่าคนจีนสามารถมีพื้นที่ในการพัฒนาในตลาดประเทศไทยได้อย่างกว้างขวาง

3.นายหวงเจิง - ผู้ก่อตั้งแบรนด์อาหารชื่อดังในไทย เขาเป็นนักธุรกิจภาคร้านอาหารจากจีนที่ก่อตั้งร้านหม้อไฟชื่อ “Shuxiang Lao Hotpot” ในกรุงเทพฯ ในปี 2010 ด้วยรสชาติของหม้อไฟเสฉวนรสชาติดั้งเดิมและบริการที่มีคุณภาพ ร้านนี้จึงกลายเป็นที่นิยมในกรุงเทพฯ และต่อมายังได้ก่อตั้งแบรนด์อาหารอื่นๆ เช่น “Thai Pepper Stir-fry” และ “Coconut Chicken” ซึ่งประสบความสำเร็จในตลาดอาหารไทย

4.นายหลี่ หมิง - ผู้ก่อตั้งบริษัทท่องเที่ยวชื่อดังในไทย เป็นนักธุรกิจท่องเที่ยวจากจีนที่ก่อตั้งบริษัทท่องเที่ยวชื่อดังในไทยชื่อ “Thai Tour” ในปี 2005 บริษัทนี้ให้บริการครบวงจรสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย ทั้งการจองตั๋วเครื่องบิน การจองโรงแรม การจัดการยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศ และบริการไกด์ บริษัท Thai Tour ของกลุ่มทุนจีนรายนี้เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในบริษัทท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจีนรู้จักกันอย่างกว้างขวาง ความสำเร็จของนายหลี่ หมิง เป็นอีกตัวอย่างสำคัญในการขยายตลาดไปต่างประเทศของธุรกิจท่องเที่ยวจีน

จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 คนจีนรุ่นใหม่ที่เข้ามาหาโอกาสในไทยนั้นมีจำนวนมากอย่างมีนัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อไทย จนถึงปัจจุบันทุนจีนและชาวจีนหลั่งไหลเข้าไทยยิ่งมีจำนวนมากขึ้นไปอีก ขณะที่ศักยภาพด้านการผลิตจีนมีข้อได้เปรียบไทยอย่างมาก ในด้านบุคลากรก็เช่นเดียวกัน คนจีนโดยทั่วไปจะมีความขยันมากกว่า ทักษะการทำงานบางด้านมีมากกว่าแข่งขันกับคนไทยได้สบายๆ

ทุกวันนี้การย้ายมาอยู่ไทย ทั้งมาเรียน มาทำงาน ยังคงเป็นเทรนด์ของชาวจีนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งที่เห็นโอกาสและอยากหลีกหนีความเบื่อหน่ายและการแข่งขันที่รุนแรงในประเทศจีน ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี และหากมหาชนจีนโยกย้ายถิ่นมาอยู่ไทยมากเรื่อยๆ เราคงต้องตั้งการ์ดอย่างจริงจังเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติตัวเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น