นายหลิว เจี้ยนเชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิเทศสัมพันธ์พรรคคอมมิวนิสต์จีน พบกับตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศไทย โดยเขาถูกจับตามองว่าจะขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนคนใหม่
นายหลิว เจี้ยนเชา เดินทางเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 29-31 มีนาคม โดยได้พบกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมทั้งคณะตัวแทนของพรรคการเมืองต่างๆ
ในช่วงเที่ยงวันที่ 31 มีนาคม นายหลิว เจี้ยนเชา ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงและพบปะผู้โดดเด่นรุ่นใหม่ของประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นโดยหอการค้าไทยในจีน โดยมีตัวแทนภาคธุรกิจ นักวิชาการ และตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมงาน
นายหลิว เจี้ยนเชา มีตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรี โดยเป็นตำแหน่งในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่ใช่คณะรัฐบาล แต่เขาได้พบผู้นำคนสำคัญของภาคภาคส่วนในหลายประเทศ เช่น นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ รัฐมนตรีต่างประเทศและผู้นำทางการเมืองของฝรั่งเศส อิหร่าน อิตาลี ลาว เวียดนาม และในครั้งนี้ได้เดินทางเยือนสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศไทย
การที่เขาได้เดินสายพบกับผู้นำประเทศ รัฐมนตรีหลายประเทศ และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ทำให้คาดการณ์กันว่าเขาเป็นตัวเต็งที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ แทนนายหวัง อี้ ที่หวนหลับมารับตำแหน่งชั่วคราวเมื่อปีที่แล้ว หลังจากนายฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศ ถูกปลดหลังดำรงดำรงตำแหน่งได้เพียง 7 เดือน
ในระหว่างที่พบปะผู้แทนคนรุ่นใหม่ นายหลิว เจี้ยนเชา ได้เล่าเรื่องของคนรุ่นใหม่ที่เป็นตัวอย่างใน 3 ด้าน คือ ความฝัน ความรู้ และอนาคต พร้อมระบุว่าจะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชนและผู้แทนภาคส่วนต่างๆ โดยเสนอแนวคิดเพิ่มพูน
การสื่อสาร (Communication) การร่วมมือ (Collaboration) และการแสวงหาจุดร่วม (Conversion)
กระทรวงวิเทศสัมพันธ์พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ได้เดินทางไปเรียนรู้ประเทศจีน แลกเปลี่ยนความสัมพันธ์.ศึกษาเล่าเรียน ฝึกวิชาชีพ เพื่อเพิ่มพูนความเข้าใจระหว่างกัน และเป็นตัวแทนบอกเล่าสิ่งที่ดีงามของทั้งสองประเทศ
ในปี 2568 จะเป็นปีแห่งการครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน นายหลิว เจี้ยนเชา กล่าวว่า เยาวชนคนรุ่นใหม่เป็นความหวังในการพัฒนาประเทศ สร้างสันติภาพของโลก และจะมีบทบาทสำคัญในการสืบสานพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไทยให้ยั่งยืนต่อไป.
