สื่อจีน โดยสำนักข่าวซินหัว/ไชน่าเดลี่ - บริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด เปิดเผยว่าทางรถไฟความเร็วสูงส่วนที่เชื่อมระหว่างกรุงปักกิ่งของจีน กับนครอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย เริ่มวิ่งให้บริการที่ความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว ในวันจันทร์ (20 มิ.ย.)
บริษัทฯ คาดการณ์ว่าปริมาณการขนส่งโดยรวมของทางรถไฟส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 หลังจากที่ปรับอัตราความเร็วในการเดินรถเพิ่มจาก 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งช่วยลดระยะเวลาเดินทางระหว่างปักกิ่งและอู่ฮั่น เหลือ 3 ชั่วโมง 48 นาทีเป็นอย่างต่ำ
อู่ฮั่น จัดเป็นมหานครที่เป็นศูนย์กลางคมนาคมทางรถไฟ ทางเรือ และทางถนนที่ใหญ่สุดแห่งหนึ่งของจีน อู่ฮั่นตั้งอยู่ห่างจากปักกิ่งราว 1,100 กิโลเมตรเศษๆ
ทางรถไฟความเร็วสูงส่วนปักกิ่ง-อู่ฮั่น เป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง-กว่างโจวในมณฑลกวางตุ้งซึ่งเปิดบริการในปี 2012 และออกแบบมาเพื่อรองรับขบวนรถไฟที่มีอัตราเร็ว 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทางรถไฟความเร็วสูงส่วนปักกิ่ง-อู่ฮั่น เชื่อมต่อกับทางรถไฟความเร็วสูงหลายสายในประเทศ โดยการเพิ่มความเร็วครั้งนี้เป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพเครือข่ายรถไฟความเร็วสูง และส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมตลอดเส้นทาง
เช่น การอัปอัตราเร็วของเส้นทางรถไฟช่วงปักกิ่ง-อู่ฮั่น และการเปิดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในนครฉงชิ่งแห่งภาคตะวัตกเฉียงใต้จีน และมณฑลหูเป่ยซึ่งอยู่ตอนกลางของจีน ทำให้การเดินทางระหว่างกรุงปักกิ่งและฉงชิ่ง ลดลงไปอีกมากกว่า 4 ชั่วโมง
วันเดียวกัน (20 มิ.ย.) ขบวนรถไฟฟู่ซิง รุ่นทันสมัยที่สุดของจีน ที่ออกแบบมาให้เร่งอัตราเร็วได้ถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ประเดิมเที่ยวเดินทางจากนครฉงชิ่งไปยังปักกิ่ง ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง 46 นาที โดยการเดินรถในเส้นทางช่วงนี้ถือเป็นการเปิดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงช่วงเจิ้งโจว-ฉงชิ่ง อย่างเป็นทางการ ซึ่งเชื่อมเมืองเจิ้งโจวในมณฑลเหอหนัน กับนครฉงชิ่ง ซึ่งห่างกับ 1,068 กิโลเมตร ด้วยเส้นทางรถไฟที่มีอัตราเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ปัจจุบันจีนมีทางรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งให้บริการที่ความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นระยะทางรวมเกือบ 3,200 กิโลเมตรในหลายเส้นทาง เช่น ทางรถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ทางรถไฟระหว่างเมืองปักกิ่ง-เทียนจิน และทางรถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง-จางจยาโข่ว
นอกจากนั้น จีนยังได้เริ่มดำเนินแผนปฏิบัติการทางรถไฟฉบับใหม่ตั้งแต่วันจันทร์ (20 มิ.ย.) โดยปริมาณการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางรางพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการขยายเครือข่ายทางรถไฟความเร็วสูงในภูมิภาคตอนกลาง และการเปิดสถานีและเส้นทางเพิ่มหลายแห่งในประเทศ