จีนกำลังบุกตะลุยแคมเปญสร้าง “คลื่นลูกใหม่ทางวัฒนธรรม” ซึ่งภาคบันเทิงตกเป็นเป้าใหญ่ในการกวาดล้างพฤติกรรมที่เลวร้ายเสื่อมศีลธรรมไปถึงขั้นผิดกฎหมาย ปีนี้เซเลบในแวดวงบันเทิงดาราดัง-ไอดอลถูกแบล็คลิสต์จากสารพัดเหตุอื้อฉาวเป็นข่าวฮือฮาแบบรัวๆโดยบทลงโทษในการลงดาบแรกก็คือขับออกจากวงการและตลาดภาคบันเทิงของแผ่นดิน ลบล้างชื่อและผลงานบนหน้าสื่อของประเทศ อาทิ กรณีดาราสาวคนดังเจิ้งส่วงที่ถูกเปิดโปงอื้อฉาว ‘อุ้มบุญ’ ตามด้วยการถูกสอบกรณีหนีภาษีและเพิ่งถูกสั่งปรับไปร่วม 300 ล้านหยวนในวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา กรณีดาราหนุ่มยอดฮิตจางเจ๋อฮั่น โดนแบล็คลิสต์ไปเมื่อกลางเดือนส.ค.จากเหตุ ‘ลบหลู่จีน’ (辱华) หลังจากที่โดนขุดภาพเก่าเมื่อสามปีที่แล้วตอนไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิในญี่ปุ่น กรณีอื้อฉาวคริส อู๋ หรืออู๋ อี้ฝาน ก็กำลังโดนสอบสวนข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวหลายคน....เป็นต้น
อนึ่ง ศาลยาสุคุนิ เป็นศาลเจ้าลัทธิชินโตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ลัทธิทหาร อีกทั้งเป็นที่สถิติดวงวิญญาณทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในสงครามรวมทั้งกลุ่มนายทหารที่ถูกศาลโลกตัดสินว่าเป็นอาชญากรสงคราม
ในคืนวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา จีนเริ่มลงดาบ ซุปตาร์เศรษฐีนี ‘เจ้า เวย’ (赵薇) ชื่อ ‘เจ้า เวย’ ถูกลบออกจากผลงานภาพยนตร์ทั้งเครดิตผู้กำกับการแสดงหรือผู้อำนวยการสร้างฯ กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจีนรายหลักๆ อย่างเช่น เทนเซนท์ (Tencent Video) อ้ายฉีอี้ (iQiyi) และโหยวคู่ (Youku) ต่างลบล้างซีรีส์ทีวีและภาพยนตร์ที่มีเจ้า เวย ร่วมแสดงฯกันในทันควัน รวมทั้งผลงานการแสดงคลาสสิคยอดฮิตตลอดกาล เรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ” (还珠格格/ My Fair Princess)
กลุ่มสื่อโลกระบุว่าจีนคว่ำบาตรดาราสาวใหญ่ เจ้า เวย วัย 45 ปี ที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจใหญ่และเศรษฐีนีพันล้าน โดยไม่แจ้งพฤติกรรมความผิดที่ชัดเจน สาเหตุในการคว่ำบาตร เจ้า เวย ที่พูดถึงกันมากคือ เหตุ “ลบหลู่จีน” ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วโดยเจ้า เวยสวมชุดเดรสที่มีแบบลวดลายเป็น ‘ธงอาทิตย์อุทัย’ ของกองทัพญี่ปุ่นถ่ายแบบลงนิตยสาร และเหตุสำคัญที่ทำให้จีนต้องการลงดาบเจ้า เวยนั้นยังอาจเกี่ยวพันไปถึง “แจ็ค หม่า” เจ้าของยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ช อาลีบาบา กรุ๊ป
ในสัปดาห์นี้ กลุ่มสื่อจีนอ้างอิงข้อมูลที่รวบรวมจากวงใน ระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้ซุ่มกรุยทางที่จะจัดการกับเจ้า เวย มานานแล้ว โดยการจัดการแบบยิ่งเงียบเท่าไหร่ก็หมายถึงว่าเบื้องหลังจะต้องเรื่องใหญ่หลวง หลังจากที่ทางการลงดาบขับเจ้า เวย ออกจากโลกออนไลน์จีน เพื่อนๆในวงการแม้แต่เพื่อนสนิทซี้ปึกอย่างหวงเสี่ยวหมิงก็ลบโพสต์ที่มีเนื้อหาพูดคุยและภาพถ่ายร่วมกับเจ้า เวย ออกในทันที ยิ่งทำให้ชาวเน็ตรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ชาวเน็ตจีนขุดคุ้ยเจาะลึกข้อมูลวงในและรวบรวม “ห้ากระทงความผิดใหญ่” ของเจ้า เวย โดยชี้ว่าแต่ละกระทงความผิดที่ว่านี้นักหนาพอที่จะผลัก เจ้า เวย ตกต่ำดั่งสำนวนจีนที่ว่า “หนูข้ามถนน” (过街老鼠) หมายถึง หนูสกปรกโสโครกบนถนนที่ใครมาพบเห็นเข้าก็ร้องยี้ด้วยความรังเกียจ ไล่ตีให้ตายหรือไม่ก็กระโดดหนี
มาดูข้อสันนิษฐานเหตุคว่ำบาตรเจ้า เวย จาก “ห้ากระทงความผิดใหญ่” สื่อกระแสหลักของจีนได้นำมาเผยแพร่
“กระทงความผิดที่หนึ่ง” คือ “ลบหลู่จีน” โดยเหตุ “ลบหลู่จีน” ของเจ้า เวยนี้เกิดช่วงหลังจากที่ เจ้า เวย ในวัยยี่สิบปีต้นๆ เพิ่งแจ้งเกิดเป็นดาราดังจากบทบาท “เสี่ยวเยี่ยนจื่อ” (小燕子) ในซีรีส์ “องค์หญิงกำมะลอ” เมื่อปี 2001 เจ้า เวย ได้รับเชิญจากนิตยสารแฟชั่นจีนไปถ่ายแบบชุดแฟชั่นขึ้นปกนิตยสารในแมนฮัตตัน สหรัฐฯ โดยหนึ่งในชุดที่เธอสวมถ่ายแบบในครั้งนั้นคือชุดเดรสพิมพ์ลาย “ธงอาทิตย์อุทัย” เมื่อภาพเจ้า เวย สวมชุด “ธงอาทิตย์อุทัย” ของกองทัพญี่ปุ่น เผยแพร่สู่สาธารณะก็จุดกระแสโกรธเกรี้ยวดั่งระเบิดลูกใหญ่ซัดลงมา ถึงขั้นว่าลูกหลานเหยื่อชาวจีนผู้เสียชีวิตในสงครามญี่ปุ่นปาอุจจาระใส่เจ้าเวยขณะสวมชุดเดรสสีขาวไปงานฉลองที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์หูหนันในคืนวันที่ 28 ธ.ค.2001
“นางไม่เห็นมาตุภูมิอยู่ในสายตาเลย ลืมการเสียสละของบรรพบุรุษหมดสิ้น” กลุ่มคนจีนวิจารณ์กรณีเจ้า เวย สวม “ชุดธงอาทิตย์อุทัย” ที่กองทัพญี่ปุ่นมักชูธงเคลื่อนทัพทำสงครามรุกรานเพื่อนบ้าน
อนึ่ง ในประเทศจีนการเผยแพร่หรือแสดงหรือมีพฤติกรรมส่งเสริมสิ่งหรือสัญลักษณ์ที่จีนเรียกว่า “จิตวิญญาณญี่ปุ่น” (精日) นับเป็นเรื่องรุนแรงที่อภัยกันไม่ได้ “จิตวิญญาณญี่ปุ่น” เป็นศัพท์บัญญัติทางการเมืองและสังคมของจีนที่มีความหมายเหยียดหยามต่ำช้ามาก เพราะถือเป็นการยกย่องลัทธิทหารญี่ปุ่นที่ก่อสงครามรุกรานเพื่อนบ้านอย่างโหดเหี้ยมดังเช่นสงครามนานกิงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นำความเกลียดชัง และ “ลบหลู่จีน
“กระทงความผิดที่สอง” เจ้า เวย (ถูกกล่าวหา)สั่งให้คนขับรถของเธอไปทำร้ายร่างกายโจวเสวี่ย ขณะที่โจวกำลังตั้งครรภ์
โจวเสวี่ยคือใคร...นางคือบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นที่ไปเชิญเจ้า เวย มาถ่ายแบบแฟชั่นและสวมชุดเดรส “ธงอาทิตย์อุทัย” ต่อกรณีฯนี้โจวเสวี่ยได้ออกมาขอโทษและลาออกจากบริษัทนิตยสาร
จากรายงานข่าวสื่อจีนในช่วงปีที่เกิดเหตุฯปี 2004 เผยเรื่องข้อกล่าวหา “เจ้าเวยสั่งคนขับรถไปทำร้ายโจวเสวี่ย” ขณะที่เกิดเหตุเจ้าและโจวอยู่ในงานสังสรรค์ที่บาร์แห่งหนึ่งย่านซันหลี่ถุนใจกลางกรุงปักกิ่งและเกิดเหตุทะเลาะกัน ต่อมา โจวได้ฟ้องเจ้า เวย ในข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย ในที่สุดศาลได้ตัดสินคนขับรถเป็นผู้กระทำผิด แต่ชาวจีนหลายคนเชื่อว่า“เจ้า เวย อยู่เบื้องหลัง” เรื่องทำร้ายร่างกายนางโจว
“กระทงความผิดที่สาม” ท้าทายล้ำเส้นสำคัญของประชาชาติจีนในกรณีถ่ายทำภาพยนตร์โดยเลือกนักแสดงนำที่เป็น “กลุ่มลบหลู่จีน” ชาวเน็ตจีนระบุว่า หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง ‘So Young’ 《致青春》 ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เจ้า เวย เป็นผู้กำกับการแสดง ประสบความสำเร็จทำรายได้ทุบสถิติ ในปี 2014 เจ้า เวย ก็ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องที่สองคือ ‘No Other Love’ 《没有别的爱》โดยนักแสดงชาวไต้หวันที่เธอเลือกมา คือไต้ลี่เหริ่น หรือ ไลออน ไต้ (戴立忍/ Leon Dai) ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “กลุ่มเคลื่อนไหวอิสรภาพไต้หวัน” ด้วยแรงกดดันดังกล่าวในที่สุด เจ้า เวย ต้องเปลี่ยนตัวนักแสดงนำชาย
ส่วนนักแสดงนำหญิง คือ คิโกะ มิซูฮาระ (Kiko Mizuhara) หลังจากที่เธอถูกเสนอชื่อเป็นนักแสดงในภาพยนตร์แนวรักตลกเรื่องนี้ ชาวจีนได้ออกโจมตีว่าคิโกะดาราดังเลือดอเมริกัน-ญี่ปุ่นมีพฤติกรรม “ลบหลู่จีน”จากการโพสต์ข้อความหลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีการปล่อยรูปภาพหญิงสาวที่ถูกชี้ว่าคือคิโกะไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิและถ่ายรูปหน้า ‘ธงอาทิตย์อุทัย’ ต่อกรณีฯนี้ คิโกะ มิซูฮาระ ได้ออกมา “ขอโทษ” สำหรับการกระทำที่อาจเป็นการ “ลบหลู่จีน” แต่เธอปฏิเสธเรื่องภาพทั้งรูปผู้หญิงที่ศาลยาสุคุนิและรูปผู้หญิงถ่ายภาพกับธงอาทิตย์อุทัยที่ถูกปล่อยในโซเชียลจีนนั้นไม่ใช่เธอ
“กระทงความผิดที่สี่” เจ้า เวย รับจางเจ๋อฮั่นเข้าทำงานในบริษัทของตน โดยก่อนที่จางเจ๋อฮั่นจะเข้าทำงานในบริษัทของเจ้า เวย ก็มีพฤติกรรมส่งเสริม“จิตวิญญาณญี่ปุ่น” แล้ว
จางเจ๋อฮั่นเพิ่งถูกคว่ำบาตรจากเหตุ “ลบหลู่จีน” โดยในช่วงก่อนวันครบรอบ 76 ปีที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม(15 ส.ค.) มีการระดมปล่อยภาพถ่ายของจางเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นภาพจางเข้าร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่จัดขึ้นที่ "ศาลเจ้าโนกิ" (Nogi Shrine) และภาพจางถ่ายภาพกับศาลเจ้ายาสุคุนิ (Yasukuni Shrine) ซึ่งศาลเจ้าทั้งสองแห่งนี้เป็นที่เก็บป้ายวิญญาณของทหารญี่ปุ่นซึ่งมีกลุ่มนายทหารใหญ่ที่นำทัพรุกรานจีนรวมอยู่ด้วย
“กระทงความผิดที่ห้า” เรื่องธุรกิจ การสร้างความมั่งคั่ง และอื้อฉาวในตลาดหุ้น ซึ่งสื่อจีนชี้ว่าจะเป็น “กระทงความผิด” ที่หนักหนาที่สุดของซุปตาร์เศรษฐีนี โดยข้อสงสัยในกระทงความผิดนี้อาจเกี่ยวพันไปถึงเครือธุรกิจของอาลีบาบา
หลังจากที่เจ้า เวย และสามีนักธุรกิจสิงคโปร์คือ หวงโหย่วหลง(黄有龙)โดดลงมาทำธุรกิจก็เกิดเรื่องอื้อฉาวละเมิดกฎระเบียบเพื่อกอบโกยกำไรจากหุ้นของประชาชน ทั้งทำลายระเบียบในตลาดหุ้น
หลังจากที่เจ้า เวย กลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เบื้องหลังความสำเร็จของเธอนั้น ไม่เพียงแค่มีสามีสนับสนุน ยังมีแจ็ค หม่า เป็นดั่งต้นไม้ใหญ่แผ่ร่มเงาให้อาศัย (เก็บเกี่ยวผลประโยชน์) ในปี 2014 แจ็ค หม่าเชิญ เจ้า เวย มาร่วมลงทุนบริษัท Alibaba Pictures และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่สอง ทำกำไรนับสิบล้านเหรียญสหรัฐในสองปี
ปี 2016 เจ้า และสามี ถูกจัดอันดับโดยสำนักจัดความมั่งคั่งหูรุ่น Hurun Global Rich List เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมั่งคั่งที่สุด ด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ในมือประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
สื่อจีนชี้ เจ้า เวย ฟันกำไรก้อนมหึมาจากวิธีการฉ้อแลหลอกลวง จนกระทั่งในปี 2017 เจ้าเวยและสามี ถูกห้ามเทรดในตลาดหุ้นจีนนานห้าปีทั้งปรับ 300,000 หยวน เนื่องจากทำผิดกฎหลอกลวงนักลงทุนในการเทคโอเวอร์บริษัท กลุ่มนักลงทุน 67 ราย ยื่นฟ้องร้องทางกฎหมายเรียกค่าชดเชยประมาณ 50 ล้านหยวน (ข้อมูลจากสื่อจีน Global Times ของค่ายพรรคคอมมิวนิสต์จีน) และนี่คือการลั่นกลองเตือนเจ้า เวย ของทางการมาครั้งหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ ชาวเน็ตจีนยังชี้กันว่า แจ็ค หม่าก็อาจจะรอดจากการลงดาบได้ยากสืบเนื่องจากความร่วมมือกับเจ้าเวยหลายครั้งหลายครา โดยหลังจากที่เกิดเหตุคว่ำบาตรเจ้าเวย ที่ตกเป็นข่าวฮือฮาในวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ชื่อของ ‘หม่า อวิ๋น’ (马云) (ชื่อจีนของแจ็ค หม่า) และอาลีบาบา ก็กลายเป็นคำสืบค้นสุดฮ็อตคำหนึ่ง ทำให้หลายคนคาดเดากันไปว่าทางการอาจจะจัดการกับแจ็ค หม่า อีกยก
แหล่งข่าวกลุ่มหนึ่งชี้ว่าผู้นำจีนที่เพิ่งถูกลงดาบฟันตกม้าไปคือ โจวเจียงหย่งเลขาธิการพรรคฯประจำเมืองหังโจว และแจ็ค หม่า ได้ช่วยปกป้องเจ้า เวย จนมีคนพูดกันไปว่า “หากจอมลบหลู่จีนตัวแม่ไม่มีเหล่าบิ๊กในหังโจวคอยหนุนหลังอยู่ละก็ ถูกลงดาบไปนานแล้ววววว”