ใครที่เป็นคอซีรีส์หรือเคยติดตามข่าวคราวในวงการบันเทิงจีนมาบ้างก็คงน่าจะพอคุ้นหน้าคราตากันเป็นอย่างดี สำหรับนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ (张哲瀚) เจ้าของบทบาท “โจวจื่อซู” จากซีรีส์มิตรภาพลูกผู้ชายที่โด่งดังเป็นพลุแตกเมื่อต้นปี 2021 อย่าง “นักรบพเนจรสุดขอบฟ้า” หรือที่รู้จักกันในนาม “ซานเหอลิ่ง” (Word of Honor: 山河令)
ล่าสุดเหตุจากการที่มีมือดีออกมาขุดภาพในอดีตของนักแสดงหนุ่มเมื่อคราวบินไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อน ณ ประเทศญี่ปุ่นก็ได้เกิดเป็นประเด็นดราม่าสุดร้อนแรงสนั่นโลกโซเชียลของจีนในชั่วพริบตา เนื่องจากเรื่องราวต่าง ๆ นั้นดันถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นอ่อนไหวเรื่องบาดแผลทางประวัติศาสตร์ระหว่างจีน-ญี่ปุ่นเข้าอย่างจัง
โดยเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา ในบรรดา Top 10 ของเทรนด์บันเทิงจีนบนหน้าเว่ยป๋อ (Weibo) ได้มีแฮชแทคที่พูดถึงตัวนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ ติดไปแล้วถึง 6 อันดับด้วยกัน
สำหรับภาพการไปร่วมงานแต่งของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นมานั้น ว่ากันว่าได้สร้างจุดที่ทำให้เกิดเป็นประเด็นดราม่าจากทางฝั่งจีนด้วยกันถึง 3 ประเด็นหลัก ซึ่งได้แก่ ประเด็นแรกเกี่ยวกับเรื่องของ “สถานที่จัดงาน” โดยในงานแต่งครั้งดังกล่าวได้มีการจัดขึ้นที่ "ศาลเจ้าโนกิ" (Nogi Shrine) ซึ่งถึงแม้จะเป็นสถานที่ที่ใช้ในการจัดงานแต่งงานทั่วไปของคนญี่ปุ่นอิงตามคำบอกเล่าของเจ้าบ่าวซึ่งเป็นเพื่อนกับนักแสดงหนุ่ม ‘จางเจ๋อฮั่น’ แต่ขณะเดียวกัน ในสายตาของชาวเน็ตจีนส่วนใหญ่กลับมองว่าสถานที่แห่งนี้คือ สถานที่ที่ใช้เก็บป้ายวิญญาณของทหารญี่ปุ่นบางส่วนที่เคยร่วมรบในสมัยสงครามจีน-ญี่ปุ่น ซึ่งมีส่วนเชื่อมโยงไปถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างอ่อนไหวและยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอยู่บ่อย ๆ ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกด้วยกันเอง
ประเด็นที่สอง ในงานแต่งงานครั้งดังกล่าว สื่อจีนได้มีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ‘จางเจ๋อฮั่น’ ได้ถ่ายภาพร่วมกับ ‘เดวี ซูการ์โน’ (Dewi Sukarno) หรือ ‘คุณนายเดวี’ (Dewi Fujin) อดีตภรรยาชาวญี่ปุ่นของ ‘ซูการ์โน’ (Sukarno) ประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซียที่ได้มาร่วมงานแต่งงานในครั้งนี้ด้วย ซึ่งสำหรับตัวของ ‘เดวี ซูการ์โน’ เองเคยเป็นบุคคลที่มีประเด็นดราม่ากับทางฝั่งจีนไปเมื่อปี 2017 สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์การบอยคอตโรงแรม APA ที่ได้มีการจัดวางหนังสือซึ่งมีเนื้อความปฏิเสธเรื่องราวการ “สังหารหมู่ที่นานกิง” (Nanjing Massacre) และ “หญิงบำเรอ” (Comfort Women) ในห้องพักของโรงแรม โดยในช่วงเวลานั้น ‘คุณนายเดวี’ ที่ได้รับเชิญให้ไปออกรายการของสถานีโทรทัศน์ทีวีอาซาฮี (TV Asahi) ของญี่ปุ่นได้มีการออกปากปกป้องโรงแรมดังกล่าว จนสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับคนจีนที่เชื่อว่าญี่ปุ่นกำลังบิดเบือนความโหดร้ายในประวัติศาสตร์ที่ตนเองได้เคยกระทำไว้กับชาติอื่น ๆ
นอกเหนือจากสองประเด็นที่กล่าวไปข้างต้น อีกประเด็นที่เสริมให้เรื่องราวความดราม่าในครั้งนี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก นั่นก็คือ ประเด็นเรื่องภาพในอดีตอีกชุดหนึ่งของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ขณะที่กำลังท่องเที่ยวอยู่ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งถูกขุดคุ้ยขึ้นมาพร้อม ๆ กัน...
จากบรรดาภาพชุดดังกล่าวที่ถูกเผยแพร่ออกมา ถูกชาวเน็ตจีนจับสังเกตได้ว่าเป็นภาพที่นักแสดงหนุ่มถ่ายใน “ศาลเจ้ายาสุคุนิ” (Yasukuni Shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่รวบรวมป้ายวิญญาณของเหล่าทหารจากกองทัพญี่ปุ่น รวมไปถึงอาชญากรทางสงครามระดับ A ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไว้หลายคน โดยก่อนหน้านี้สถานที่แห่งนี้เคยเกิดเป็นประเด็นดราม่าระหว่างประเทศ “จีน-ญี่ปุ่น” และ “ญี่ปุ่น-เกาหลี” อยู่บ่อยครั้ง* เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่เก็บรวบรวมป้ายวิญญาณสำหรับสักการะเหล่าทหารของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกแล้ว ยังเป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามซึ่งมีการบิดเบือนโดยปกปิดไม่พูดถึงความโหดร้ายของฝ่ายญี่ปุ่นในช่วงก่อสงคราม ทำให้ประเด็นนี้ไปกระตุกต่อมคนจีนให้เกิดความรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่งอีกด้วย
*ปล. จีนและเกาหลีเป็นสองประเทศที่ขึ้นชื่อว่าได้รับผลกระทบจากการก่อสงครามของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองมากที่สุด ซึ่งเรื่องของบาดแผลทางประวัติศาสตร์ในอดีตที่ยังคงไม่เคยได้รับการชำระล้างหรือชดใช้จากทางญี่ปุ่นนั้นยังคงเป็นประเด็นอ่อนไหวที่มักนำไปสู่ข้อพิพาทระหว่าง 3 ประเทศนี้อยู่บ่อยครั้ง
เมื่อบรรดาภาพถ่ายในอดีตที่ดันไปแตะเข้ากับประเด็นความอ่อนไหวทางประวัติศาสตร์ระหว่างประเทศโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบต่อตัว ‘จางเจ๋อฮั่น’ มากมายบนโลกโซเชียลของจีน ซึ่งต่อมาในช่วงบ่ายของวันที่ 13 ส.ค. นั้นเอง เจ้าตัวได้มีการออกมาโพสต์หนังสือขอโทษผ่านทางหน้าเว่ยป๋อส่วนตัวของตน โดยมีข้อความด้านในระบุไว้ว่า...
“วันนี้ผมรู้สึกละอายใจกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวเอง และยิ่งต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับการกระทำของผมในอดีต
ผมได้เดินทางไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่จัดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดยสำหรับเรื่องความไม่รู้และไม่ได้ตรวจสอบเกี่ยวกับภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของสถานที่จัดงาน รวมไปถึงภูมิหลังทางการเมืองของแขกผู้เข้าร่วมงานคนอื่น ๆ นั้น ส่วนนี้ล้วนแต่เป็นความผิดของผมทั้งสิ้น
เมื่อก่อนเวลาผมเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ผมชอบที่จะถ่ายภาพไปเรื่อย เนื่องจากขาดความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นนั้น ๆ อีกทั้งยังในขณะที่ถ่ายภาพไม่ได้ระมัดระวังถึงเรื่องของเนื้อหาที่จะเข้ามาอยู่บนภาพ จึงทำให้ในภาพที่ผมถ่ายออกมาปรากฎเนื้อหาที่ทำร้ายความรู้สึกของคนจีนอย่างรุนแรง ผมต้องขออภัยอย่างสูงมา ณ ที่นี้ ขอโทษครับ
ผมไม่ใช่คนญี่ปุ่น ผมเป็นคนจีน! แต่ไหนแต่ไรผมไม่เคยกล่าวหรือเอื้อนเอ่ยคำใด ๆ ที่สร้างความเสียหายต่อมาตุภูมิเลยสักครั้ง! ผมรักมาตุภูมิของผมอย่างสุดซึ้ง! ทุกคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ผมได้ในฐานที่ผมไม่รู้ ผมรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับความใส่ใจและคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน ในฐานะบุคคลสาธารณะ ผมควรที่จะจดจำความเจ็บปวดทางประวัติศาสตร์นี้ไว้เสมอ ในอนาคตผมจะศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมให้จริงจังขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเป็นมืออาชีพให้ตัวเอง และยังจะเพิ่มความเข้มงวดและมีวินัยในตนเองให้มากขึ้นด้วย ต้องขออภัยอีกครั้งจริง ๆ ครับ”
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวของ ‘จางเจ๋อฮั่น’ จะมีการออกมาขอโทษในความไม่รู้ของตนเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครั้งในอดีตที่มีส่วนก่อให้เกิดประเด็นดราม่าในปัจจุบันขึ้นแล้ว แต่กลับดูเหมือนชาวเน็ตจีนส่วนใหญ่จะ “ไม่ซื้อ” กับคำขอโทษในครั้งนี้เสียเท่าไหร่นัก แถมยังคงมีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตัวนักแสดงหนุ่มกันอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดลามไปโยงประเด็นเรื่องของความไม่รักชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ส่งผลกระทบให้มีสินค้า ทีมวาไรตี้และผลงานการแสดงหลายรายการ อาทิเช่น JBL, Coca Cola, Gulico และ Maybelline New York ฯลฯ เริ่มแห่กันออกมาประกาศยุติความร่วมมือกับตัวดาราหนุ่มกันยกใหญ่
ซึ่งจากความเสียหายที่ ‘จางเจ๋อฮั่น’ ได้รับจากกระแสดราม่าในครั้งนี้มีความเป็นไปได้มากว่าอาจจะส่งผลให้ตัวนักแสดงหนุ่มเองจำต้องหายหน้าหายตาจากงานบันเทิงไปสักพักหนึ่งเลยก็เป็นได้