xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights: การแข่งขันรุนแรงในสังคมกับกระแสคนรุ่นใหม่จีนที่เลือก “นอนราบ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพการ์ตูนล้อสังคมในกระแส ‘Tang Ping’ ที่แปลตรงตัวอักษรได้ว่า  ‘นอนราบ’ คำโปรยในภาพเขียนว่า “ฉันนอนราบแล้ว แล้วแต่เธอ”         (ภาพจากสื่อจีน Wangyi.com)
ร่มฉัตร จันทรานุกูล มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยนานาชาติ กรุงปักกิ่ง (UIBE)

วันนี้จะมาบอกเล่าสู่กันฟังในเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในสังคมเมืองจีนยุคใหม่ คนรุ่นใหม่จำนวนมากที่ออกจากภูมิลำเนาเดิมของตัวเอง หลั่งไหลเข้าไปทำงานในเมืองชั้นหนึ่ง อย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น เพื่อแสวงหาโอกาสการเติบโตในหน้าที่การงานและโอกาสการหาเงินที่ดีกว่า คนรุ่นใหม่ที่เข้าไปทำงานในเขตเมืองใหญ่แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่จบการศึกษาระดับปริญญาและเข้าทำงานในบริษัทหรือสอบเข้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ รัฐวิสาหกิจ อีกกลุ่มคือทำงานด้านบริการหรือเป็นลูกจ้าง สังคมที่เหลื่อมล้ำเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง เกิดมาในครอบครัวที่ไม่มีเส้นสาย ต้องเหนื่อยมากกว่าคนที่เกิดมาในครอบครัวที่มีพื้นฐานดีหลายเท่า และในสังคมเศรษฐกิจยุคปัจจุบันที่โอกาสและทรัพยากรส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือคนที่เข้ามาก่อน ตกอยู่ในคนที่มีพื้นฐานดีมากกว่า ดังนั้นคนที่ครอบครัวไม่มีอะไรไว้ให้ก็ต้องปากกัดตีนถีบกันไป ในวันนี้ที่ความเหลื่อมล้ำในสังคมจีนมีมาก การก้าวข้ามชนชั้นขึ้นไปทำได้อย่างยากลำบาก โอกาสนั้นมีมากก็จริงแต่ในกลุ่มสายอาชีพเดียวกัน บางครั้งไปแข่งขันกับกลุ่มที่มีฐานที่ดีกว่าก็ยาก คืออาจจะต้องขยันและมุมานะกว่าคนที่มีเส้นสายหรือฐานที่ดีกว่าหลายเท่าตัว ที่ผู้เขียนกล่าวมาทั้งหมด ไม่ใช่การมองโลกในแง่ร้ายแต่อย่างใดแต่คือโลกของความเป็นจริง

จีนมีคำที่มีความหมายแฝงอินเทรนด์มากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ คือ “躺平” (Tang Ping) อ่านว่า ‘ถ่างผิง’ แปลตรงตัวอักษรว่า ‘นอนราบ หรือนอนเฉยๆ’ ในที่นี้ขอใช้คำว่า “นอนราบ” ซึ่งแฝงความหมายคือ ปฏิกิริยาโต้ตอบสังคมจากภาวะจิตใจที่ว่าจะลำบากไปทำไม ลดความต้องการต่างๆเสีย นอนราบอยู่เฉยๆก็ไปพ้นจากปัญหาแล้ว” ในเว็บไซต์จีน Zhihu.com ซึ่งคล้ายกับเว็บพันทิพของไทย มีการถกเถียงเรื่อง “นอนราบ” ซึ่งกำลังเป็นกระแสในสังคมคนรุ่นใหม่ มีคอมเมนท์หนึ่งกล่าวว่า “ผมเป็นคนรุ่นใหม่วัยทำงาน ทุกวันนี้รู้สึกเหมือนไม่มีแรง ในวงสังคมที่ดำเนินชีวิตอยู่ ไม่มีที่ไหนไม่มีการแข่งขัน คนที่เขามาก่อนอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบอย่างเด็ดขาด คนที่มาทีหลังก็เหมือนได้กินแต่น้ำแกงที่ไม่มีเนื้อไม่มีผัก ความเหลื่อมล้ำและความต่างมากขึ้นไปเรื่อยๆ คนที่มีผู้สนับสนุนจะเอื้อมถึงโอกาสต่างๆได้ง่าย รับรู้ข้อมูลได้ก่อน ลูกชาวบ้านทั่วไปสองมือสองเท้าขยันอย่างสุดขีด อย่างมากก็ได้แค่ผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานเท่านั้น”

‘Tang Ping’ หรือ “นอนราบ” กำลังเป็นคำฮิตติดเทรนด์ กลุ่มคนรุ่นใหม่จีนต่างสนใจและขานรับกันพรึ่บ
กระแส “นอนราบ” เริ่มเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเมื่อมีชาวเน็ตจีนผู้หนึ่งโพสต์ว่า “เราไม่ผิดที่จะเลือกใช้ชีวิต ‘นอนราบ’ ”โดยชาวเน็ตผู้นี้ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตัวเขาเองออกจากงานประจำมาสองปีแล้วตอนนี้กลับบ้านหาอะไรทำในสิ่งที่ชอบ กินข้าววันละสองมื้อ เดือนนึงใช้เงินไม่เกิน 300 หยวนหรือประมาณ 1,500 บาท บางทีว่างๆก็ไปนั่งตกปลา ออกกำลังกาย รู้สึกเป็นตัวของตัวเองและมีความสุขที่สุด

แนวคิดการใช้ชีวิตแบบ ‘นอนราบ’ จะสอดคล้องกับแนวคิดการลดความอยากมีอยากได้ที่ภาษาจีนเรียกว่า “低欲望” อ่านว่า ตีอี้ว์ว่าง คือการไม่ขนขวายอยากทำงานหาเงินเยอะๆ เพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อของฟุ่มเฟือย เป็นต้น ในโซเซียลจีนถกเรื่องการ‘นอนราบ’ กันจนกลายเป็นหัวข้อฮ็อตฮิตอยู่ในตอนนี้ เพราะความกดดันในชีวิตสังคมเมืองนั้นมีมากเหลือเกิน คนที่เข้ามาทำงานในเมืองจำนวนมากขยันหาเงินเองทั้งชีวิตยังไม่สามารถจะซื้อบ้านหลังหนึ่งเป็นของตัวเองในเมืองชั้นหนึ่งได้เลย คนทำงานบางคนในบริษัทใหญ่ต่างๆเบื่อหน่ายกับการทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่มีเวลาพัก ร่างกายสู้ไม่ไหวก็ลาออกไปหางานประเภทที่เงินเดือนน้อยแต่สบายกว่า หลักประกันในอนาคตดีกว่าอย่างเช่นไปสอบเข้าทำงานในหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจต่างๆ จึงไม่แปลกว่าจำนวนคนที่รอสอบเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของจีนแต่ละปีมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมาจำนวนคนเข้าสอบเป็นเจ้าหน้าที่รัฐทั่วประเทศ 1.5 ล้านคนในขณะที่ตำแหน่งงานมีประมาณ 20,000 กว่าตำแหน่งเท่านั้น

คนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งที่เลือกจะ‘นอนราบ’ เพราะเบื่อหน่ายกับสังคมใส่หน้ากาก อยากเป็นตัวของตัวเอง บางคนลาออกจากงานกลับบ้านเกิดไปเปิดร้านค้าเล็กๆของตัวเองหรือไปหางานทำที่บ้านเกิด ไม่ขนขวายการมีเงินมากมาย มีหน้ามีตาในสังคมอีกต่อไป แต่จริงๆแล้ววัฒนธรรมการ‘นอนราบ’ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่ได้หมายถึงว่าคนยุคใหม่นี้ไม่มีความกระตือรือร้นต่อสู้ ความต้องการชีวิตที่มีความหมายก็ยังคงมีอยู่ แต่เพียงว่าไม่อยากที่จะถูกระบบที่สังคมสร้างขึ้นมาครอบงำ ไม่อยากที่จะอยู่ในกระบวนการในสังคมแบบใหม่ที่แออัด คนรุ่นใหม่จีนบางกลุ่มเลือกที่จะถอยออกมาและค้นหาความเป็นตัวเอง

ภาพการ์ตูนล้อเสียดสีสังคมแสดงถึงความเหลื่อมล้ำของประชาชนรากหญ้ากับเจ้าสัวผู้มั่งคั่ง (ภาพจากสื่อจีน ifeng.com)
ศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิงหัวออกมาวิจารณ์แนวคิดการใช้ชีวิตแบบชิวๆ ‘นอนราบ’ ของคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ว่า เป็นแนวคิดที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อพ่อแม่ เป็นแนวคิดที่เป็นปรปักษ์กับการพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจและสังคมจีนกำลังประสบกับความท้าทายใหม่คืออัตราผู้สูงอายุมีมากขึ้นเรื่อยๆ จีนยังต้องการพัฒนาอย่างยั่งยืนตรงนี้ต้องการคนรุ่นใหม่ขึ้นมามีบทบาท สังคมและเศรษฐกิจยังต้องการนวัตกรรม หากคนรุ่นใหม่จำนวนมากมีแนวโน้มไม่ต่อสู้ชีวิต ใช้ชีวิตแบบ ‘นอนราบ’ จะไม่เป็นประโยชน์กับสังคมโดยรวม

แต่กระนั้นปรากฏการณ์ที่คนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง(มากพอสมควร)เลือกที่จะหลีกเลี่ยงความกดดันและใช้ชีวิตอย่างสบาย มีเงินพอกินพอใช้ ก็สะท้อนปัญหาของสังคมจีนในยุคปัจจุบันได้เช่นกันคือ การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนรวดเร็วมาจนถึงมีขนาดเศรษฐกิจอันดับสองของโลก การหาเงินเพื่อประทังชีวิตรอดไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของคนในสังคมประเทศ แต่การพัฒนามาพร้อมแนวคิดด้านวัตถุนิยม อยากได้อยากมี เกิดการเปรียบเทียบและแบ่งชนชั้น ในขณะที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคมสูงขึ้น ราคาบ้านในเมืองชั้นหนึ่งแพงหูฉี่ รายได้ที่ขึ้นไม่ทันเงินเฟ้อและรายจ่าย ต้นทุนการแต่งงานมีครอบครัวที่สูง

นอกจากนี้คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันส่วนใหญ่คือบุตรคนเดียวของที่บ้านได้รับการประคบประหงมตามใจมาแต่เด็ก ถึงแม้จะทำงานแล้วก็ยังขอเงินพ่อแม่ใช้เพิ่มอยู่ก็มีมาก มีชาวเน็ตจีนรายหนึ่งให้ความเห็นเกี่ยวกับการใช้ชีวิต‘นอนราบ’ ไว้ว่า “ขยันไปก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ สู้อยู่เฉยๆไม่ต้องลำบากตัวเองจะดีกว่า”

กระแสแนวคิดนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย มองว่าคนรุ่นใหม่คืออนาคตชาติต้องพยายามพัฒนาตัวเองและสังคม จะมารอให้ครอบครัวหรือประเทศชาติช่วยก็ไม่ใช่ คนรุ่นใหม่อีกกลุ่มหนึ่งคิดว่า กระแสการใช้ชีวิตแบบ‘นอนราบ’ ไม่มีทางเป็นได้จริงในสังคมแข่งขันยุคปัจจุบัน คนส่วนใหญ่อยากมีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตมีคุณค่าต้องหาสิ่งที่ทำให้ตัวเองภาคภูมิใจ หากว่าไม่ต่อสู้ก็ตายสถานเดียวในสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าเรื่องของการออกมาโพสต์ในโซเซียลมีเดียปลุกกระแส ‘นอนราบ’ อาจจะเป็นการออกมาเสียดสีและระบายอารมณ์มากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นประเด็นสังคมนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ไม่มีผิดถูกเพราะชีวิตจะเดินไปทางไหนก็เป็นสิ่งที่เราเลือกเส้นทางเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น