จีนประกาศนโยบายสนับสนุนให้ครอบครัวมีลูกสามคน พร้อมออกมาตรการแจกสิทธิพิเศษแก่ “ครอบครัวลูกสามคน” เพื่อปรับปรุงโครงสร้างประชากร เสริมสร้างยุทธศาสตร์รับมือกับสังคมผู้สูงอายุที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ ตลอดจนช่วยให้การจัดการทรัพยากรมนุษย์เป็นไปอย่างราบรื่น
ขณะนี้ผู้นำจีนยังกำลังถกเถียงเกี่ยวกับการแก้กฎหมายขยายอายุเกษียณจากงาน
สำนักข่าวรอยเตอร์ส เผยมาตรการสนับสนุนนโยบายลูกสาม อาทิ ลดค่าเล่าเรียนแก่บุตร ช่วยเหลือด้านภาษีและบ้านที่อยู่อาศัย ให้หลักประกันสิทธิประโยชน์ทางกฎหมายแก่ผู้หญิงทำงาน จำกัดค่าสินสอดทองหมั้นที่สูงลิ่ว ตลอดจนสนับสนุนการศึกษาเกี่ยวกับ “การแต่งงานและความรัก” แก่เยาวชน
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาอัตราขยายตัวประชากรจีนเป็นไปอย่างเชื่องช้าที่สุดนับจากทศวรรษที่ 1950 ขณะที่อัตราเกิดของทารกมีแต่ลดลงเรื่อยๆ
จีนบังคับใช้กฎเหล็ก “นโยบายลูกคนเดียว” (one child policy) ในปี 1979 ซึ่งส่งผลสะเทือนเลื่อนลั่นมากมาย
จีนเพิ่งดำเนินการสำรวจประชากรที่จัดทำทุกสิบปีครั้งล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว(2020) และเพิ่งประกาศเมื่อปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า ประชากรในแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นมาเพียงร้อยละ 5.38 เท่ากับ 1.41 พันล้านคน
ผลการสำรวจประชากรดังกล่าวถือว่าพลาดเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ กล่าวคือ ในปี 2016 จีนได้ผ่อนปรน “นโยบายลูกคนเดียว” โดยอนุญาตให้ประชาชนมีลูกได้สองคน พร้อมกับตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2020 ประชากรจีนจะเพิ่มเป็น 1.42 พันล้านคน และอัตราเจริญพันธุ์ของหญิงจีนจะอยู่ที่ 1.8
ทว่า จากปี 2016 เป็นต้นมาอัตราเกิดของประชากรจีนลดลงมาตลอด โดยระหว่างปี 2016 -2019 อัตราเกิดของประชากรจีน คิดเป็นร้อยละ 12.95, 12.43, 10.94, และ 10.48 ตามลำดับ
ในปี 2020 เด็กเกิดใหม่ในจีนมีจำนวนเพียง 12 ล้านคน เทียบกับจำนวนเด็กเกิดใหม่กว่า 14 ล้านคนของปี 2019 ขณะที่อัตราเจริญพันธุ์ของผู้หญิงจีน (อัตรามีบุตร) เฉลี่ย เท่ากับ 1.3 คน
หลังจากที่จีนประกาศนโยบายลูกสามคน สำนักข่าวซินหัวออกแบบสอบถามบนบัญชีเวยปั๋วขององค์กร โดยตั้งคำถามว่า “นโยบายลูกสามคนคลอดแล้ว คุณเตรียมพร้อมหรือยัง?”
คำตอบมีดังต่อไปนี้
เตรียมพร้อมแล้ว 1213
วางแผนไว้อยู่ 184
ลังเล, ต้องพิจารณาปัญหาหลายอย่าง 751
ไม่เคยคิดเลย (จะมีลูกสามคน) 23,000
*ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมตอบคำถาม 26,000 ในวันที่รัฐบาลจีนประกาศนโยบายลูกสามคน (31 พ.ค.) โดยผลการสำรวจจะสรุปใน 6 วัน
อย่างไรก็ตาม โพลล์นี้ถูกลบออกแล้ว
“ฉันพร้อมจะมีลูกสามคน ถ้าให้ 5 ล้านหยวน!” ชาวเน็ตจีนผู้หนึ่งโพสต์