กลุ่มสื่อจีนและสื่อเทศรายงานกันเกรียวกราวว่า เมื่อวานนี้(18 พ.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ของ ฟอร์ด มอเตอร์ ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน และได้ขึ้นเวทีกล่าวว่า “รถยนต์พลังงานไฟฟ้าคือ อนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ ขณะนี้ จีนคือ “ผู้นำ” ในสนามการแข่งขันภาครถยนต์ไฟฟ้า โดยไม่มีข้อสงสัยใดแล้ว...อเมริกาต้องรีบเร่งผลักดันกันหน่อยแล้ว”
“พวกท่านทราบกันดีว่า ที่ผ่านมาพวกเราได้ทุ่มเทการลงทุนให้กับการวิจัยและการพัฒนาด้านนี้มากยิ่งกว่าประเทศอื่นๆในโลก และจีนถูกจัดฯอยู่ในอันดับที่ 8…ขอโทษครับ...อันดับที่ 9 ‘ตอนนี้’พวกเราอยู่อันดับที่ 8 จีนอยู่อันดับที่ 1 อย่ายอมให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไป ”
“จีนมีขนาดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่กว่าประเทศอื่นๆในโลก และได้ใช้ความสามารถการผลิตที่ใหญ่ยักษ์ ผลิตแบตเตอรี่ ไม่เพียงในประเทศจีน ยังตั้งโรงงานผลิตในเยอรมนี เม็กซิโก และตอนนี้จีนกำลังส่งออกพาหนะพลังงานไฟฟ้าไปทั่วโลก และยังจ้องมาที่ตลาดอเมริกา
ไบเดน กล่าวถึงตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และการผลิตแบตเตอรี่ของจีน ว่า“พวกเขา (จีน) คิดว่าพวกเขากำลังจะชนะ อืม...แต่ตอนนี้ผมมีข่าวจะบอกพวกเขาว่า....พวกเขาจะไม่ชนะในสนามการแข่งขันนี้ เราจะไม่ปล่อยให้พวกเขาชนะหรอก พวกเราต้องเร่งมือกันแล้ว”
พร้อมกันนี้ ไบเดนประกาศข้อเสนอทุ่มงบฯ 174 พันล้านสหรัฐ อัดฉีดภาคการผลิตและโปรโมทการขายรถยนต์และรถบัสที่มีการแพร่กระจายความร้อนเป็นศูนย์ เพิ่มสถานีชาร์จแบตรถ EV รวมทั้งทุ่ม 100 พันล้านเหรียญสหรัฐให้กับโครงการส่วนลดผู้บริโภค(สำหรับซื้อรถยนต์ไฟฟ้า)
สำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างข้อมูลบริษัทการวิจัย Canalys ระบุว่าในปีที่แล้ว (2020) กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในจีนขายรถยนต์โดยสารพลังงานไฟฟ้า (passenger EVs) ได้ 1.3 ล้านคัน ขณะที่สหรัฐฯขายได้ 328,000 คัน
Clip by CGTN
Clip by NBC News