หลาย ๆ คนคงจะจำกันได้สำหรับเรื่องราวรักร้าวระหว่างดาราสาวชื่อดังของจีนอย่าง ‘เจิ้งส่วง’ (郑爽) กับ แฟนหนุ่มนักธุรกิจ ‘จางเหิง’ (张恒) โดยกรณีของทั้งคู่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวรักร้าวของคู่รักคนดังทั่วไป หากแต่มีปัญหาของเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ที่เคลียร์กันไม่ลงตัวสักเท่าไหร่หลังจากที่เลิกกัน และนอกจากนั้นยังมีกรณีที่ถูกสังคมพูดถึงกันอย่างกว้างขวางอย่าง ปัญหาเกี่ยวกับการอุ้มบุญลูกของ ‘เจิ้งส่วง’ และ ‘จางเหิง’ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย (คลิกเพื่ออ่านเพิ่มเติม) ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้ข่าวดังกล่าวกลายเป็นที่ฮือฮากันอย่างมากทั้งในจีนและต่างประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ถึงกับขนาดที่ว่าใครที่ไม่รู้จักหรือติดตามแวดวงบันเทิงจีนมาก่อน ต่างก็ต้องเกิดอาการอยากรู้จนต้องไปขุดหาต้นตอ ตามข่าวคราวกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว
และถึงแม้เรื่องราวจะผ่านไปหลายเดือนแล้ว แต่มหากาพย์รักร้าวฉบับนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ เพราะจากการอัพเดทสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับคดีความของทั้งคู่ ยังมีเรื่องราวที่ก่อกระแสถกเถียงกันอยู่เรื่อย ๆ บนโลกโซเชียลของจีน
โดยในปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำหรับคดีความเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของทั้งคู่ ในกรณีที่ว่าฝ่ายชายอย่าง ‘จางเหิง’ ได้กู้ยืมเงินดาราสาว ‘เจิ้งส่วง’ ไปและยังไม่ใช้คืนนั้น ศาลชั้นกลางในเซี่ยงไฮ้ของจีนได้ตัดสินให้ ‘เจิ้งส่วง’ เป็นฝ่ายชนะคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยศาลฯ ตัดสินให้ ‘จางเหิง’ ต้องชดใช้เงินต้นที่ยืมไปพร้อมกับดอกเบี้ยอีกจำนวนมาก ซึ่งจากผลการตัดสินดังกล่าวฝ่าย ‘จางเหิง’ ก็แสดงความไม่พอใจอย่างมาก โดยเจ้าตัวกล่าวผ่านเว่ยป๋อส่วนตัวว่า “ทางฝ่ายของตนจะยืนเรื่องให้ศาลชั้นสูงในเซี่ยงไฮ้พิจารณาคดีความเกี่ยวกับเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน”
ในส่วนของคดีความเรื่องสิทธิในการเลี้ยงดูบุตร ทั้งคู่ก็ยังเคลียร์กันไม่ลงอีกเช่นเคย โดยล่าสุดหลังมีข่าวฉาวให้เม้าท์ไปเมื่อต้นปี ทางฝ่ายหญิงอย่าง ‘เจิ้งส่วง’ ก็ออกมาเรียกร้องสิทธิการเลี้ยงดูบุตรร่วมกัน ในขณะที่ ‘จางเหิง’ ต้องการสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตรแต่เพียงผู้เดียว โดยในวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ศาลฯสหรัฐฯได้พิจารณาคดีข้อพิพาทสิทธิในการเลี้ยงดูบุตรของ ‘เจิ้งส่วง’ และ ‘จางเหิง’ เป็นครั้งแรกผ่านทางช่องทางออนไลน์ โดยเรื่องที่น่าสนใจมีอยู่ว่า ‘จางเหิง’ ได้ให้ปากคำเป็นพยานต่อศาลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสุขภาพจิตของ ‘เจิ้งส่วง’ โดยเขาบอกว่าเธอพยายามฆ่าตัวตายถึงสองครั้งในปี 2018 และ 2019 ดังนั้นเขาจึงรู้สึกไม่สบายใจที่จะมอบเด็ก ๆ ให้เธอดูแล แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังไม่มีผลการทดสอบสุขภาพจิตที่จะใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างแน่ชัด ในกรณีดังกล่าวศาลมีการสอบปากคำ ‘จางเหิง’ เพิ่มเติมว่า “หากเขารู้เช่นนั้นทำไมถึงยังปล่อยให้เจิ้งส่วงทำเรื่องการอุ้มบุญอีก” เจ้าตัวให้คำตอบว่า “สำหรับตัวเขาในตอนนั้นคิดว่าแม้ ‘เจิ้งส่วง’ มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีสิทธิมีลูก” ต่อมาในวันที่ 6 เม.ษ. ที่ผ่านมา แม้ศาลระบุว่าการพิจารณาคดีความเรื่องนี้เป็นขั้นสุดท้าย แต่แล้วก็ยังไม่มีคำตัดสินใด ๆ ออกมาโดยผู้พิพากษาระบุว่าจะพูดคุยเรื่องนี้กันอีกทีในสองสัปดาห์ถัดไป ว่าสุดท้ายแล้วเด็กทั้งสองคนควรไปอยู่ในความดูแลของใครถึงจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของเด็กมากที่สุด
หลังวันที่ 6 เม.ษ. ในระหว่างที่ชาวเน็ตที่ติดตามเรื่องนี้ต่างรอคอยคำตัดสินจากศาลสหรัฐฯ บนโลกออนไลน์ก็มีการเผยภาพของ 'จางเหิง' กับเด็กน้อยชายหญิงสองคนในต่างประเทศ จากภาพที่ถูกเผยแพร่ดังกล่าวทำให้ชาวเน็ตจีนบางส่วนออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับตัวเด็กทั้งสองว่า “หากเป็นลูกของเจิ้งส่วงไม่น่าโตไวขนาดนี้ (เด็กทั้งสองเกิดประมาณปลายปี 2019 และต้นปี 2020) สภาพอากาศก็น่าสงสัยเพราะที่เมืองเดนเวอร์ ในรัฐโคโลราโดของสหรัฐฯ ตอนนี้อากาศค่อนข้างเย็นแต่ในรูปจางเหิงและเด็ก ๆ แต่งตัวเหมือนหน้าร้อน แถมเด็ก ๆ ยังไม่มีการสวมใส่แมสก์อีกต่างหาก” ชาวเน็ตบางคนถึงกับกล่าวว่า เด็กสองคนที่ปรากฏในภาพอาจจะเป็นแค่ลูกของเพื่อนที่จางเหิงยืมมาถ่ายรูปเพื่อสร้างกระแสเท่านั้น
จากกระแสดังกล่าว บางส่วนถึงกับแนะนำให้ 'เจิ้งส่วง' ตรวจดีเอ็นเอ หลังจากนั้นไม่นานก็มีสื่อหนึ่งเล่นข่าวที่อ้างว่า “ผลตรวจดีเอ็นเอของเจิ้งส่วงกับเด็ก ๆ ออกมาแล้ว ปรากฏว่าไม่ตรง” ซึ่งข้อมูลดังกล่าวก็ถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง เพราะภาพที่นำมาลงเป็นเพียงผลตรวจไวรัสตับอักเสบบีเท่านั้น (HBV) ผลสุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดสำหรับเรื่องราวดังกล่าวอยู่ดี ซึ่งหากใครอยากรู้ว่าเรื่องราวมหากาพย์ของดาราสาวจะดำเนินไปในทิศทางไหนและจะจบลงอย่างไร ก็คงต้องอดทนติดตามคำตัดสินที่แน่นอนของศาลกันต่อไป หากมีเรื่องราวอะไรคืบหน้าทางโต๊ะบันเทิงจีนของเราก็คงไม่พลาดจะนำมารายงานให้คุณผู้อ่านทุกท่านทราบอย่างแน่นอน