xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights &: การพัฒนาและเติบโตของนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนในประเทศจีน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชั้นเรียนนักศึกษาต่างชาติในจีน (ภาพจาก Southcn.com)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล (UIBE)


วันนี้ผู้เขียนขอเล่าสู่กันฟังเรื่องของการพัฒนาของการศึกษาจีน แต่ขอนำเสนอในในอีกมุมหนึ่งคือการเข้ามาเรียนในประเทศจีนของนักศึกษาต่างชาติ โดยการเติบโตของตัวเลขนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนในประเทศจีนเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราที่ค่อนข้างรวดเร็ว

ตัวเลขของกระทรวงศึกษาจีนล่าสุดในปี 2018 ระบุจำนวนนักศึกษาต่างชาติในจีนทั้งหมด 492,185 คน กระจายอยู่ในทั้ง 31 มณฑล สถาบันที่รองรับนักศึกษาต่างชาติทั่วประเทศจีนปัจจุบันมี 1,005 แห่ง นักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนจีนส่วนใหญ่เป็นประเทศในแถบเอเชียคิดเป็น 59.95 เปอร์เซ็นต์ นักศึกษาจากประเทศแอฟริกา 16.57 เปอร์เซ็นต์ นักศึกษาจากกลุ่มประเทศยุโรป 14.96 เปอร์เซ็นต์ นักศึกษาจากลาตินอเมริกา 7.26 เปอร์เซ็นต์ และนักศึกษาจากประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 1.27 เปอร์เซ็นต์

เมืองและมณฑลจีนที่มีนักศึกษาต่างชาติกระจุกตัวอยู่มากที่สุด 10 อันดับแรกได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เจียงซู เจ้อเจียง เหลียวหนิง เทียนจิน กว่างตง หูเป่ย ยูนนาน ซานตง โดยปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ มีจำนวนนักศึกษาต่างชาติอยู่มากที่สุด ตามสถิติเมื่อสิ้นปี 2018 มีจำนวน 81,000 คน และ 62,000 คนตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีเมืองและมณฑลที่มาแรง มีแนวโน้มการเข้าไปเรียนของนักเรียนต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่น กว่างซี ซานสี ฝูเจี้ยน เป็นต้น

นักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนในจีนปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นการเรียนในระดับปริญญาคิดเป็น 52.44 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด ที่เหลือคือนักศึกษาที่มาเรียนภาษาหรือโครงการอบรมแลกเปลี่ยน ในปัจจุบันนักศึกษาที่เข้ามาเรียนในประเทศจีนมาด้วยทุนตัวเองเป็นส่วนใหญ่ คนที่ได้รับทุนจากรัฐบาลจีนมีอยู่ประมาณ 13% เท่านั้น

ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงประวัติการเติบโตนักศึกษาต่างชาติในจีนก่อน โดยเริ่มต้นจากปี 1949 จีนใหม่ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับภารกิจการเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรในขณะนั้น การร่วมมือกับต่างประเทศเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ในช่วง 1949 ประเทศที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน ประกอบด้วยสหภาพโซเวียต เกาหลีเหนือ และมองโกเลีย

ในปี 1950 นายกรัฐมนตรีจีนในขณะนั้นคือ นาย โจว เอินไหล เริ่มมีการประชุมกับประเทศพันธมิตรและหารือการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างประเทศ ตั้งแต่นั้นมาจีนเริ่มทยอยทำข้อตกลงร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างประเทศพันธมิตรต่างๆ นี่ก็เป็นก้าวแรกของจีนในการเปิดรับนักศึกษาต่างชาติ โดยมหาวิทยาลัยแรกที่เปิดรับนักศึกษาต่างชาติคือ มหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งในปี 1950-1951 ได้เปิดคอร์สการเรียนและฝึกภาษาจีนให้แก่นักศึกษากลุ่มแรก 33 คนจาก 5 ประเทศ ได้แก่ โปแลนด์ ฮังการี บาวาเรีย เช็คและโรมาเนีย หลังจากนั้นในปี 1952 มหาวิทยาลัยปักกิ่งก็เปิดรับนักศึกษาต่างชาติเช่นกันโดยนักศึกษาต่างชาติกลุ่มแรกมาจากเกาหลีเหนือ 89 คน

การเข้ามาเรียนในจีนของนักศึกษาต่างชาติเพิ่มขึ้นตามลำดับ แค่ในช่วง 5 ปีคือ 1950-1955 จีนรับนักศึกษาต่างชาติเพิ่มเป็น 68 ประเทศจากทั่วโลก จำนวนนักศึกษาสะสมใน 5 ปีมีจำนวน 7,200 คน กระจายอยู่ใน 94 สถาบันใน 17 เมือง จากจำนวนนักศึกษาต่างชาติทั้งหมดในขณะนั้น 91 เปอร์เซ็นต์มาจากประเทศคอมมิวนิสต์ นักศึกษาจากเอเชีย แอฟริกา ลาตินอเมริกามีสัดส่วน 7เปอร์เซ็นต์ และนักศึกษาจากประเทศยุโรป อเมริกาและญี่ปุ่นมีสัดส่วนเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมจีน (1966-1976) การรับนักศึกษาต่างชาติและการแลกเปลี่ยนกับต่างประเทศหยุดชะงักลง 7 ปี จนในปี 1973 จีนเริ่มเปิดรับนักศึกษาต่างชาติอย่างจริงจังอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น 5 ปี จนถึงปี 1977 มีนักศึกษาต่างชาติทั้งหมดเพียง 2,000 กว่าคนเท่านั้น

ในช่วงปี 1950-1978 หรือ 28 ปีของการพัฒนาการศึกษาของนักศึกษาต่างชาติในจีน มีนักศึกษาต่างชาติเรียนจบจากจีนทั้งหมด 12,800 คน เกือบทั้งหมดเป็นนักศึกษาที่ได้ทุนรัฐบาลจีน ซึ่งหมายความว่านักศึกษาต่างชาติในจีนขณะนั้นส่วนใหญ่เข้ามาเรียนในโครงการแลกเปลี่ยนนั่นเอง

หลังสถาปนาจีนใหม่ในปี 1949 (สาธารณรัฐประชาชนจีน) การดึงดูดนักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนในจีนถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันหนึ่งของจีน (ภาพจากเว็บไซต์ การศึกษาจีน www.JYB.cn)
นักศึกต่างชาติกลุ่มแรกของจีนหลังจากเรียนจบส่วนใหญ่เข้าทำงานในหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับการติดต่อกับทางจีน จีนเองเห็นว่าการสร้างบุคลากรที่เข้าใจจีนเป็นสิ่งสำคัญ เป็นการปูทางให้จีนใหม่ค่อยๆได้รับการยอมรับในเวทีโลกอีกด้วย

จนมาถึงช่วงปี 1980 – 2000 ถือเป็นยุคทองของการเปิดรับนักศึกษาต่างชาติ จีนเริ่มรับและแลกเปลี่ยนนักศึกษาจากประเทศอื่นๆมากขึ้น เพิ่มโควต้าทุนการศึกษาและเริ่มรับนักศึกษาที่มาเรียนด้วยทุนตัวเอง รัฐบาลจีนวางนโยบายให้ภาคการศึกษานักศึกษาต่างชาติเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การเปิดประเทศ

หลังจากปี 2000 เป็นต้นมาระบบการบริหารจัดการกลุ่มนักศึกษาต่างชาติในจีนเริ่มเข้าที่มากขึ้น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงต่างประเทศ และฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติที่ออกหนังสือการบริหารจัดการและเงื่อนไข คุณสมบัติพื้นฐานของนักศึกษาต่างชาติที่จะเข้ามาเรียนในประเทศจีน มหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมรับนักศึกษาต่างชาติเริ่มจัดตั้งวิทยาลัยการศึกษานานาชาติขึ้น ตั้งศูนย์การศึกษาภาษาจีนสำหรับชาวต่างชาติขึ้น

จนกระทั่งมีการจัดตั้งสถาบันขงจื่อและขยายสาขาในหลายประเทศทั่วโลก มีการจัดการสอบวัดระดับภาษาจีน(HSK)ตลาดการรับนักศึกษาต่างชาติในจีนเริ่มเปิดเสรี แต่ละมหาวิทยาลัยมีการแข่งขันรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนเพราะการรับนักศึกษาต่างชาติสามารถสร้างรายได้ให้มหาวิทยาลัยได้อีกทางหนึ่งและยังสามารถเพิ่มคะแนนความเป็นอินเตอร์ให้แก่มหาวิทยาลัยเมื่อถูกจัดอันดับในประเทศอีกด้วย

กลุ่มนักศึกษาต่างชาติในจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเติบโตเศรษฐกิจมังกรในเวทีโลก กอปรกับการตอบรับนโยบายหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทางช่วยให้การแลกเปลี่ยนกับต่างชาติโดยเฉพาะด้านการศึกษาขยายตัวขึ้นไปอีก

จากตัวเลขทางการในปี 2018 กลุ่มนักศึกษาต่างชาติจากประเทศต่างๆที่เข้ามาเรียนในจีนจำนวนมากในสามอันดับแรก ได้แก่ เกาหลีใต้ ไทย และปากีสถาน

สำหรับกลุ่มนักศึกษาไทยที่มาเรียนในจีนก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน โดยในปี 2018 มีจำนวน 28,000 คน และผู้เขียนเชื่อว่านักศึกษาไทยจะเข้ามาเรียนที่จีนมากกว่านี้ เพราะความร่วมมือระหว่างไทย-จีนที่มากขึ้น ความสำคัญของจีนต่อไทยที่มีมากขึ้นทำให้ความต้องการบุคลากรที่มีทักษะภาษาจีนมีเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

จีนวางยุทธศาสตร์การเปิดประเทศ การเพิ่มศักยภาพในเวทีโลกดังนั้นการพัฒนาการศึกษาและบุคลากรต่างชาติให้เข้าใจ เข้าถึงวัฒนธรรมจีน เป็นส่วนสำคัญและเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น