สำนักข่าวซินหัวรายงาน— สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนแถลงเมื่อวันอังคาร (1 ก.ย.) เรียกร้องให้ส่งเสริมการปฏิรูปในระดับลึกยิ่งขึ้นและเปิดประเทศในระดับสูงขึ้น เพื่อเป็นแรงผลักดันอันแข็งแกร่งในการกำหนดรูปแบบการพัฒนาใหม่
สี จิ้นผิง ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางกล่าวขณะเป็นประธานการประชุมครั้งที่ 15 ของคณะกรรมการกลางเพื่อการปฏิรูปโดยรวมเชิงลึก
สี จิ้นผิงเน้นย้ำว่าการเร่งสร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่แบบวงจรคู่ ซึ่งกำหนดให้ตลาดในประเทศเป็นแกนหลัก และปล่อยให้ตลาดในประเทศและต่างประเทศกระตุ้นซึ่งกันและกัน เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนการพัฒนาของจีน สภาพแวดล้อมและเงื่อนไขต่างๆ และการปฏิรูปเชิงลึกอย่างเป็นระบบในสถานการณ์โดยรวมของประเทศ
สีกล่าวว่า ทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญกับการปฏิรูปอย่างเต็มที่ แน่วแน่ในการกำหนดยุทธศาสตร์ สนับสนุนและปรับปรุงระบบสังคมนิยมอัตลักษณ์จีน อีกทั้งยกระดับระบบการปกครองและขีดความสามารถของจีนให้ทันสมัย
หลี่ เค่อเฉียง หวัง ฮู่หนิง และหาน เจิ้ง พร้อมด้วยสมาชิกทั้งหมดของคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรองหัวหน้าคณะกรรมการกลางเพื่อการปฏิรูปโดยรวมเชิงลึก ล้วนเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้
การสร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่ควรพิจารณาทั้งผลลัพธ์ในระยะสั้น การเติบโตในระยะกลางและระยะยาว จีนจำเป็นต้องเร่งดำเนินการปฏิรูปที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรและการปฏิรูปที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของการเติบโต สีจิ้นผิงกล่าว
นอกจากนี้จีนจำต้องเชื่อมโยงการสร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่เข้ากับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาภูมิภาคและการสร้างเขตการค้าเสรีนำร่องที่ประสานกัน ทั้งยังจำเป็นต้องแสวงหาและตรวจสอบการสร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่และพื้นที่ใหม่สำหรับการยกระดับการปฏิรูปและการเปิดประเทศให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของภูมิภาคต่างๆ
ผู้นำจีนยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาเรื่องการปฏิรูปในลักษณะที่คาดการณ์ถึงอนาคต การจัดการปัจจัยที่ไม่แน่นอนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การขยายขอบเขตนโยบาย และการเพิ่มความยืดหยุ่นของสถาบันต่างๆ
ที่ประชุมได้ทบทวนและอนุมัติชุดแนวทางในการพัฒนานวัตกรรมด้านการค้าต่างประเทศ การส่งเสริมการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภูมิภาคตอนกลางและตะวันตกของประเทศ การกำหนดมาตรฐานโรงเรียนเอกชนสำหรับการศึกษาภาคบังคับ การกำหนดมาตรฐานปฏิบัติการทางการแพทย์ และการผลักดันการคัดแยกขยะ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของการปฏิรูปชนบทนับตั้งแต่การประชุมใหญ่ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 ด้วย
ที่ประชุมเรียกร้องให้ปรับปรุงคุณภาพของการค้าต่างประเทศ สร้างเสถียรภาพของอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน โอบอุ้มแรงขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ ส่งเสริมการอำนวยความสะดวกทางการค้า และปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการพัฒนาการค้าต่างประเทศ
ที่ประชุมเน้นถึงการค้ำชูและการเสริมแกร่งความเป็นผู้นำโดยรวมของพรรคในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย เพื่อพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภาคกลางและภาคตะวันตก โดยเรียกร้องให้มุ่งเน้นที่คุณลักษณะของท้องถิ่นและการรวบรวมทรัพยากรการศึกษาเพื่อกระตุ้นแรงขับเคลื่อนที่มาจากภายในของสถาบันระดับอุดมศึกษาในภูมิภาค
ที่ประชุมชี้ว่า โรงเรียนเอกชนที่เปิดสอนการศึกษาภาคบังคับควรได้รับการควบคุมดูแลอย่างดีเพื่อให้สามารถนำนโยบายการศึกษาของพรรคไปใช้ได้เต็มที่ อีกทั้งธำรงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำโดยรวมของพรรคในการศึกษาภาคบังคับ
เพื่อให้ความสำคัญกับคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ของระบบการแพทย์และการดูแลสุขภาพของประเทศในการต่อสู้กับโควิด-19 ที่ประชุมได้ย้ำถึงนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ตลอดจนการพัฒนากฎระเบียบและการกำกับดูแลสถาบันและบุคลากรทางการแพทย์มากขึ้น
ที่ประชุมยังเร่งสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้รวดเร็วขึ้นและออกนโยบายสนับสนุนที่ดีขึ้น เพื่อเร่งสร้างกลไกการคัดแยกขยะในระยะยาว
เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านอาหาร ที่ประชุมย้ำให้การถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของสาธารณชนเช่นเดิม ไม่ละเมิดพื้นที่เพาะปลูกขั้นพื้นฐาน และไม่ทำลายผลประโยชน์ของเกษตรกร
ที่ประชุมระบุว่า จีนควรปรับปรุงระบบสิทธิในทรัพย์สินชนบทและการจัดสรรปัจจัยที่มุ่งเน้นตลาด เพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรปัจจัยต่างๆ เช่น ที่ดินชนบท ทุน ผู้มีความสามารถ และเทคโนโลยี อีกทั้งกระตุ้นแรงฟื้นฟูชนบทที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
ควรมีการนำนโยบายที่ถูกต้อง ตรงเป้าหมาย และมีประสิทธิผลมากขึ้น มาใช้เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการเกษตรที่เปลี่ยนรูปแบบจากการผลิตที่มุ่งเน้นการผลิตไปสู่การมุ่งเน้นคุณภาพ
สุดท้ายนี้ ที่ประชุมกล่าวว่าประเทศควรดำเนินการตามกลยุทธ์การฟื้นชีวิตให้ชนบทอย่างแข็งขัน และจัดตั้งสถาบัน กลไก และระบบนโยบายที่มั่นคง เพื่อการพัฒนาเมือง-ชนบทแบบบูรณาการ ควรเสริมสร้างการแก้ไขและความเชื่อมั่นของทุกฝ่ายในการปฏิรูปเชิงลึกให้มากขึ้น อีกทั้งสั่งสมความแข็งแกร่งเพื่อเป็นใบเบิกทางสู่การสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่ครอบคลุมต่อไป