รายงานข่าวสื่อจีนเมื่อเสาร์(2 พ.ค.)ที่ผ่านมา ระบุว่านักไวรัสวิทยาชื่อดังแห่งสถาบันไวรัสวิทยา ณ เมืองอู่ฮั่น นาง สือ เจิงลี่ ผู้ตกเป็นเป้าของทฤษฎีวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแหล่งต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่โจษจันกันว่า “เธอแปรพักตร์ และเผ่นหนีออกจากจีน”
“ไม่ว่าจะต้องเผชิญปัญหาร้ายแรงแค่ไหน ไม่มีวันที่จะเกิดเหตุการณ์แปรพักตร์ตามที่ข่าวลือโจษจันกัน” นางสือ นักวิจัยไวรัสค้างคาวชื่อดังระดับโลก โพสต์ข้อความถึงเพื่อนๆในโซเชียล มีเดียจีน วีแชท เมื่อวันเสาร์(2 พ.ค.)
สืบเนื่องจากกระแสข่าวลือเมื่อเร็วๆนี้ ระบุว่า นาง สือ เจิงลี่ “แปรพักตร์” พาคนในครอบครัวหอบ “เอกสารลับร่วมหนึ่งพันชิ้น” เผ่นหนีไปยุโรป และได้ยื่นคำร้องขอความคุ้มครองกับสถานทูตสหรัฐฯในฝรั่งเศส
จนกระทั่งสื่อทางการจีน ได้แก่ เว็บไซต์ข่าวในจีน โกลบอล ไทม์ส(Global Times) และสื่อในฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ออกรายงานข่าว(2 พ.ค.) ปฏิเสธข่าวลือดังกล่าว โดยเผยแพร่ข้อความจากบัญชีโซเชียลมีเดีย วีแชท (WeChat) ของนาง สือ เจิงลี่
หนังสือพิมพ์ โกลบอล ไทม์ส ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ยืนยันว่า นางสือ เจิงลี่เป็นผู้เขียนข้อความโพสต์ในวีแชทจริงๆ ข้อความดังกล่าวเขียนว่า “เพื่อนๆที่รัก...ฉันและครอบครัวสบายดี ไม่ว่าจะเผชิญปัญหาร้ายแรงเพียงไรก็ตาม ไม่มีวันที่ฉันจะ ‘แปรพักตร์’ ตามที่ข่าวลือโจษจัน พวกเราไม่ได้ทำผิดอะไร พวกเรามีศรัทธาที่มั่นคงต่อวิทยาศาสตร์ จะต้องมีวันที่เมฆสลายไปและดวงตะวันฉายแสงสว่างออกมา”
อนึ่ง นาง สือเจิงลี่ นักวิจัยประจำสถาบันไวรัสวิทยาเมืองอู่ฮั่น ได้ตกเป็นเป้าในการวิพากษ์วิจารณ์หรือผู้ต้องสงสัยรู้เห็นเรื่องการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มระบาดในอู่ฮั่นเมื่อปลายปีที่แล้ว
สือบุกบั่นทำงานวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโคโรนากว่าสิบปี และเป็นผู้ค้นพบไวรัสโคโรนาในค้างคาวที่ก่อโรคซาร์ส (ทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง) เมื่อปี 2002 ถึง 2003
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่เชื้อมาจากสัตว์สู่มนุษย์ อาจจะเป็นค้างคาว และดูเป็นไปไม่ได้อย่างมากที่มันจะหลุดออกจากสถาบันไวรัสวิทยาที่อู่ฮั่นโดยอุบัติเหตุ หรือกระทั่งเกิดจากน้ำมือมนุษย์
แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครล่วงรู้ถึงแหล่งต้นตอไวรัส ด้านจีนกล่าวว่ากำลังดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้อยู่