ชาวจีนนับถือสิงโต ด้วยความเชื่อว่า สิงโตมีความศักดิ์สิทธิ์ คอยปัดเป่าขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและนำความสุขและความเจริญรุ่งเรืองมาให้
การได้มีโอกาสชมแห่เชิดสิงโต ในวันตรุษจีนจึงเป็นสิริมงคลยิ่ง จึงนิยมเชิดสิงโตในวันตรุษจีนและสืบทอดการแสดงมากว่าพันปี
กำเนิดเชิดสองโตนั้นมีหลายตำนาน โดยหนึ่งในตำนานนั้นเล่าสืบต่อมา ว่าการเชิดสิงโตเริ่มมีขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง สัตว์ดุร้ายบุกเข้าโจมตีหมู่บ้านหนึ่งใกล้กับฝอซัน และทำลายพืชผลทุกฤดูกาลซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ชาวบ้านกลัว จึงตัดสินใจสร้างหุ่นสิงโตด้วยขนนกและผืนผ้าใบ วางไว้ที่ใจกลางหมู่บ้านเพื่อขู่ให้เหล่าสัตว์ประหลาดหวาดกลัว และก็ไม่เคยมาบุกหมู่บ้านอีกเลย และเพื่อระลึกถึงบุญคุณของสิงโตจำลอง ชาวบ้านจึงจัดให้มีการเชิดสิงโตเป็นประจำทุกปีในช่วงตรุษจีน
ข้อมูลประวัติศาสตร์บันทึกว่า "หวง เฟยหง" 黃飛鴻 ปรมาจารย์กังฟูผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม "10 พยัคฆ์กวางตุ้ง" (伏虎拳) ที่มีชื่อเสียงในรัชสมัยฮ่องเต้เต้ากวง แห่งราชวงศ์ชิง อีกทั้งเป็น แพทย์แผนโบราณที่ได้รับการยกย่องนับถือของฝอซัน คู่ตำนานร้านขายยาและสถานพยาบาล ชื่อ "เป่าจือหลิน" (寶芝林) ที่ให้การรักษาผู้ยากไร้ คือผู้ที่พัฒนาและผสมผสานการเต้นเชิดสิงโตกับแก่นแท้วิทยายุทธของมวยจีน ซึ่งสะท้อนความเป็นปราชญ์ผู้มีพหุปัญญารอบด้าน
ถึงแม้ หวง เฟยหง จะเป็นบุตรของ หวง ฉีอิง ปรมาจารย์กังฟู แต่หวง เฟยหงกลับมิได้รับถ่ายทอดวิทยายุทธใด ๆ ดังนั้น หวง เฟยหง จึงต้องไปร่ำเรียนนอกสำนักฯ และอาจเรียกได้ว่าเป็นคนรุ่นแรก ๆ ที่ผสมผสานวิชามวยข้ามสำนักหลายสำนักเข้าด้วยกัน ทั้ง "มวยหงฉวน" (洪拳) จาก ลู่ อาไฉ (陸阿采) และ หล่ำ ฟกซิง ผู้เป็นสหายร่วมสำนักเส้าหลินกับ หง ซีกวน (洪熙官) วีรบุรุษกังฟู ก่อนที่จะมาได้เพิ่มจากบิดาของตนในภายหลัง พร้อมรับมรดกสืบทอดวิชาแพทย์จากบิดา
หวง เฟยหงยังได้รับการยอมรับนับถือยิ่งในความเป็นหนึ่งในการเชิดสิงโต ด้วยความที่บูรณาการศาสตร์กังฟูเข้ากับการเชิดสิงโตจนเป็นเนื้อเดียว ผสมผสานปัจจัยพื้นฐานสำคัญ 3 ประการของมวยกังฟูไว้อย่างครอบคลุม และยังเป็นจุดที่ใช้สังเกต จำแนกการเชิดสิงโตด้วย
การเชิดสิงโตแบบ หวง เฟยหง นั้น ให้ความสำคัญกับท่ายืน ท่าย่าง และท่าเคลื่อนไหวต่างๆ ที่ยากขึ้นไป อาทิ กระโดด กลิ้ง ซึ่งเฉพาะท่ายืน ก็ยังมีหลายรูปแบบ อาทิ ท่านั่งม้า ท่าโก่งคันศร ท่ามังกร ท่ากระเรียนขาว ขณะที่ท่าย่าง ก็มีหลายจังหวะ ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการย่างเท้าแบบเจ็ดดาว 七星 พื้นฐานในการใช้เท้าเคลื่อนไหวที่แม่นยำ และมั่นคง
การเชิดสิงโตนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมจีนในชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลหลายแห่ง ตามข้อมูลฯ การเชิดสิงโตดั้งเดิมที่นิยมกันมี 2 แบบ คือ แบบกายกรรมต่อตัว และ แบบปีนไม้ไผ่ ขณะที่ การเชิดสิงโตบนเสาดอกเหมย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศแถบเอเชีย อาทิ จีน มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง รวมทั้งประเทศไทยเรา เป็นการแตกแขนงในยุคหลัง
ขณะที่ในวัฒนธรรมสมัยนิยม ในปี 1960 และ 1970 คงจะไม่มีภาพยนตร์เรื่องใดที่ถ่ายทอดการเชิดสิงโตได้โดดเด่น เป็นฉากสำคัญได้เท่ากับ ภาพยนตร์เรื่อง หวง เฟยหง อีกแล้ว ทั้งในเวอร์ชั่นดั้งเดิม ในปี 1957 จนยุค หวง เฟยหง ที่รับบทโดย หลี่เหลียนเจี๋ย (เจ็ทลี) ในปี 1991
สำหรับ สิงโตที่เชิดนั้น แม้เหมือนกัน แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ต่างมีรูปร่างหน้าตาหลากหลายตามภูมิลำเนาท้องถิ่น อาทิ สิงโตเหนือ หรือ สิงโตปักกิ่ง ซึ่งรูปร่างจะเล็ก สามารถเชิดคนเดียวหรือสองคนก็ได้ ขณะที่สิงโตใต้ ในมณฑลกวางตุ้ง กว่างซี และฮกเกี้ยน ตัวใหญ่ มีน้ำหนักมาก ประดับกระจกที่หน้า เขียนสีสันลวดลายลงบนหัว มีนอที่หน้าผาก และมีเคราที่คาง เป็นรูปแบบเป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเล การเชิดแบบหวง เฟยหง ซึ่งเป็นแบบฝอซัน กวางตุ้ง ก็เป็นสิงโตใต้ และเป็นการเชิดแบบที่คนไทยคุ้นตา
ทุกวันนี้สิงโตยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขและความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งมาพร้อมกับโอกาสสำคัญต่างๆ ในประเพณีจีน เช่น ตรุษจีน วันเกิด การแต่งงาน เหตุการณ์มงคลต่าง ๆ ตลอดมา
ในโอกาสตรุษจีนนี้ เพจฯ บูรพาไม่แพ้ ขอ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ผู้อ่านทุกท่านครับ ... ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ คิดหวังสิ่งใดขอให้สมหวังสมปรารถนา สุขภาพแข็งแรง มั่งคั่ง มั่งมี โชคดีร่ำรวยตลอดปี