เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์/เอเจนซีส์—กลุ่มนักสังเกตการณ์ชี้ลั่ว ฮุ่ยหนิงเป็นม้ามืดที่มานั่งเก้าอี้นายใหญ่สำนักงานผู้ประสานงานจีนประจำฮ่องกงโดยที่ไม่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับฮ่องกงซึ่งกำลังผจญวิกฤตอย่างหนัก แต่เขามีประวัติในการผุดความคิดนอกกรอบในการแก้ไขปัญหา ส่วนผอ.คนเก่านายหวัง จื้อหมินต้องกลับปักกิ่งไปอยู่สำนักวิจัยประวัติศาสตร์ของพรรคฯนั้น บางกระแสวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นเพราะเขาไม่สามารถสงบศึกวุ่นวายในดินแดน
ลั่ว ฮุ่ยหนิง (骆惠宁)ผู้อำนวยการคนใหม่แห่งสำนักงานผู้ประสานงานจีนประจำฮ่องกงซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันเสาร์(4 ม.ค.) ได้แถลงต่อสื่อมวลชนในวันแรกของการทำงานฯ(6 ม.ค.)ว่า “ผมไม่ใช่คนแปลกหน้าของฮ่องกง” พร้อมกล่าวแสดงความหวังว่าฮ่องกงจะกลับสู่สภาพปกติในเร็ววันนี้ และจะกลับสู่เส้นทางที่จะพาดินแดนเจริญโชติช่วงขณะที่เดินหน้าสู่การบรรลุระบอบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ”
“ตำแหน่งใหม่และภารกิจใหม่นี้เป็นงานที่ท้าทายผมมาก ผมจะทำงานให้ดีที่สุดด้วยความรู้สึกผูกผันกับฮ่องกงอย่างจริงใจ” ลั่ว กล่าวกับกลุ่มผู้สื่อข่าวเพียง 5 นาทีโดยไม่รับคำถามสัมภาษณ์ใด
“เราเชื่อว่าประธานคณะผู้บริหารเขตบริหารพิเศษแห่งฮ่องกง แคร์รี่ แลม พร้อมด้วยคณะรัฐบาลและภาคส่วนต่างๆในดินแดน จะบรรลุภารกิจแห่งรัฐธรรมนูญและหลักกฎหมายอย่างสมบูรณ์ โดยพวกเขาจะรับประกันการผลักดันระบอบหนึ่งประเทศ สองระบบให้ดำเนินต่อไปจนสำเร็จซึ่งเป็นงานระยะยาว และผมเชื่อมั่นว่าฮ่องกงจะรักษาความรุ่งโรจน์และเสถียรภาพ”
การโยกย้ายตำแหน่งผู้นำระดับสูงสุดจากฝั่งจีนมาเป็นหัวเรือใหญ่ดูแลกิจการในฮ่องกงครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงการนำหลักครั้งแรกหลังจากเกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ที่เปิดฉากเมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว และยืดเยื้อมา 7 เดือน สำนักข่าวซินหัวซึ่งเผยแพร่ข่าวการโยกย้ายนี้ไม่ได้แจงเหตุผลการเปลี่ยนแปลงนี้แต่อย่างใด
นาย ลั่ว ฮุ่ยหนิงวัย 65 ปี อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลซานซี มารับนั่งเก้าอี้หัวหน้าสำนักงานผู้ประสานงานจีนแห่งฮ่องกงแทนที่นายหวัง จื้อหมินซึ่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้เพียง 2 ปี 3 เดือนหลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งฯเมื่อเดือนก.ย. 2017
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับสื่อฮ่องกงเซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์กล่าวว่านายหวังจะกลับปักกิ่งไปรับงานใหม่คือรองหัวหน้าสถาบันส่วนกลางว่าด้วยการวิจัยประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์และวรรณกรรม (Central Institute for Party History and Literature Research) เขียนงานวิจัยเกี่ยวกับหลักทฤษฎีมาร์กซิสต์ ความคิดของสีจิ้นผิง และผู้นำพรรคฯอื่นๆ
แหล่งข่าวเผยอีกว่าการโยกย้ายนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์มากกว่าที่จะเป็นการลงโทษนายหวัง
ลั่วจบปริญญาเอกด้านเศรษฐกิจเป็นอดีตเลขาธิการพรรคฯในสองมณฑลที่มีการพัฒนาน้อยกว่าเขตอื่นของจีนคือ ชิงไห่และซานซี เขาไม่เคยดำรงตำแหน่งใดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับฮ่องกง แต่ได้สร้างความประทับใจให้กับเหล่าบิ๊กในปักกิ่งโดยการปราบปรามคอรัปชั่นอย่างฉับไวราบคาบและยกเครื่องรัฐบาลท้องถิ่นในซานซี
ลั่วเป็นผู้อำนวยการสำนักงานผู้ประสานงานจีนประจำฮ่องกงคนแรกซึ่งมีประสบการณ์ในพื้นที่อยู่บ้าง ส่วนผอ.สำนักงานฯคนก่อนหน้าล้วนเป็นเพียงข้ารัฐการชำนัญพิเศษผู้ทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลกลางก่อนที่จะมารับตำแหน่งใหญ่ในฮ่องกง
ลั่วนำคณะผู้แทนไปยังฮ่องกงเพื่อดึงดูดการลงทุนในปี 2018 และได้พบปะกับแคร์รี่ แลม ตอนนั้นเขาเป็นนายใหญ่พรรคฯสาขาซานซี
ลั่วกำลังจะเกษียณเมื่ออายุ 65 ปีเต็มในเดือนต.ค.นี้ เมื่อเดือนที่แล้วเขาเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการดูแลกิจการด้านเศรษฐกิจและการเงินของสมัชชาประชาชนจีนหรือรัฐสภา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มักสงวนไว้ให้กับกลุ่มเจ้าหน้าที่วัยเกษียณ
Tam Yiu-chung ผู้แทนฮ่องกงเพียงคนเดียวในคณะกรรมาธิการประจำของสมัชชาประชาชนจีน กล่าวว่าลั่วจะนำ “ความคิดใหม่ๆ” เพื่อช่วยให้ฮ่องกงพ้นวิกฤตการเมืองครั้งนี้
“ภูมิหลังที่แตกต่างย่อมนำประโยชน์ที่แตกต่างออกไป หากเขาสามารถออกความคิดใหม่ๆรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันก็จะเป็นเรื่องดี ในอดีตก็เคยมีสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้” Tam กล่าว