อ.มหาวิทยาลัยจีนฟ้องสวนสัตว์ เหตุเปลี่ยนระบบผ่านประตูฯเป็นระบบรู้จำใบหน้า

สื่อท้องถิ่นรายงานเมื่อเร็วๆนี้ รองศาสตราจารย์ด้านกฎหมายประจำมหาวิทยาลัยไฮเทคในจีน ได้ยื่นฟ้องร้องสวนสัตว์แห่งหนึ่งในข้อกล่าวหาผิดสัญญาโดยเปลี่ยนระบบยืนยันอัตลักษณ์ของผู้เข้าชมสวนสัตว์จากระบบสแกนลายนิ้วมือมาเป็นระบบรู้จำใบหน้า นับเป็นคดีฟ้องร้อง้เกี่ยวกับระบบรู้จำใบหน้าคดีแรก

นาย กัว ปิง รองศาสตราจารย์ด้านกฎหมายประจำมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ไฮ-เทค (Zhejiang Sci-tech University) โจทย์ผู้ยื่นฟ้องร้องในคดีนี้ ได้ซื้อตั๋วปีสำหรับเข้าชมสวนสัตว์ซาฟารีเมืองหังโจว ในราคา 1,360 หยวน หรือราว 5,902 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน เท่ากับ 4.34 บาท)เมื่อปลายเดือนเม.ย. จากรายงานของ เซาท์เทิร์น เมโทรโพริส เดลี รายงาน

เมื่อเดือนที่แล้ว นายกัวได้รับแจ้งจากสวนสัตว์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบยืนยันอัตลักษณ์ของผู้ซื้อตั๋วเข้าสวนสัตว์จากระบบสแกนลายนิ้วมือมาเป็นระบบรู้จำใบหน้า (facial recognition)

ด้วยความวิตกว่าระบบใหม่นี้จะถูกฉกฉวยไปใช้ในการขโมยข้อมูลเกี่ยวกับตัวตน/สถานะ (identity) ของเขา จึงขอเงินคืน

แต่สวนสัตว์ไม่ยอมคืนเงินให้แก่เขา นายกัวจึงยื่นฟ้องคดีแพ่งในต้นเดือนพ.ย. ต่อศาลฝูอิง เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง เรียกร้องให้สวนสัตว์คืนเงิน1,360 หยวน พร้อมค่าชดเชย

รายงานข่าวสื่อท้องถิ่นระบุว่าศาลรับฟ้อง

นาย กัว บอกกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นว่าเขาได้ซื้อตั๋วเข้าชมสวนสัตว์ระยะเวลา 12 เดือนแบบไม่จำกัดจำนวนครั้งการเข้าชม ทางสวนสวนสัตว์ได้ขอชื่อนามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ และลายนิ้วมือ ซึ่งเขาก็ยินยอม จากนั้นมาเขาและครอบครัวได้เข้าชมสวนสัตว์หลายครั้ง

จนกระทั่งเมื่อสวนสัตว์เปลี่ยนระบบการรับเข้า (admission system) เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้ขอข้อมูลใหม่จากผู้ซื้อตั๋วปีเพื่ออัพเดทข้อมูลลูกค้า พร้อมทั้งภาพถ่ายก่อนวันที่ 17 ต.ค. มิฉะนั้น จะไม่สามารถเข้าชมสวนสัตว์ได้อีก
กัว ปฏิเสธให้ข้อมูลแก่สวนสัตว์ เพราะเชื่อว่าการเปลี่ยนระบบรับเข้าของสวนสัตว์เป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภค

“วัตถุประสงค์การยื่นฟ้อง ไม่ได้ต้องการค่าชดเชย แต่ต้องการต่อสู้การละเมิดโดยระบบรู้จำใบหน้า”

นาย จ้าว จ้านหลิง ทนายของบริษัทกฎหมาย เป่ยจิง จื้อหลิน (Beijing Zhilin Law Firm) กล่าวว่าเป็นไปได้ว่าสวนสัตว์ได้ฝ่าฝืนเงื่อนไขเดิมในสัญญาดั้งเดิม

“ความวิตกในการยื่นฟ้องร้องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ทีเดียว” ทนายของบริษัทกฎหมาย เป่ยจิง จื้อหลิน กล่าว

อัตลักษณ์ใบหน้าเป็นเรื่องที่ “อ่อนไหวมากๆ” เจ้าหน้าที่จะต้องกำหนดมาตรการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด เกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูล การใช้ การจัดเก็บ และการถ่ายโอน

ด้านผู้จัดการสวนสัตว์ ผู้เผยเพียงแซ่หยวน ยืนยันว่าการปรับปรุงระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบที่ประตูทางเข้า

นับตั้งแต่รัฐบาลกลางดำเนินข้อริเริ่ม “การท่องเที่ยวอัจฉริยะ” ในปี 2015 จุดท่องเที่ยวกว่า 270 แห่งทั่วประเทศได้นำระบบรู้จำใบหน้ามาใช้