สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงาน (26 ต.ค.) สมาคมนิวเคลียร์โลกชี้พลังงานนิวเคลียร์ในจีนพุ่งทะยาน เตรียมขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกในอีก 10 ปี
วันอังคาร (25 ต.ค.) แอคเนตา ไรซิ่ง (Agneta Rising) ผู้อำนวยการใหญ่สมาคมนิวเคลียร์โลก ( World Nuclear Association) ได้แสดงความเห็น ระหว่างการประชุมเสวนาด้านพลังงานประจำปีที่ประเทศสิงคโปร์ว่า จีนจะแซงหน้าฝรั่งเศสในการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ จนกลายเป็นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์อันดับสองของโลกได้ในปี 2563 และจะขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของโลกแทนที่สหรัฐฯ ในอีก 10 - 15 ปี
รายงานระบุว่า ปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียมีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวน 134 แห่ง โดยในปี 2558 สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 400 เทราวัตต์ต่อชั่วโมง คิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตนิวเคลียร์ทั้งหมดของโลก นอกจากนี้ ยังมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ยังยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 39 แห่ง ซึ่งมีความสามารถในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ราว 47.4 กิกะวัตต์ ซึ่งในจำนวนนั้น เป็นการก่อสร้างในประเทศจีนมากถึง 20 แห่ง
สมาคมนิวเคลียร์โลกชี้ว่า บรรดาประเทศอุตสาหกรรมเป็นผู้นำในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของโลก เนื่องจากมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง อีกทั้งความต้องการด้านพลังงานที่มากขึ้น โดยเฉพาะจีน ซึ่งมีปัญหามลภาวะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ
ทั้งนี้ สมาคมนิวเคลียร์โลกได้คาดการณ์ว่า ในปี 2573 ประเทศจีน รัสเซีย อินเดียและเกาหลีใต้จะมีปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์รวมกันมากเป็นจำนวน 70 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานนิวเคลียร์ทั้งหมดในโลก
