หลู่ไอกงกล่าวแก่ขงจื่อว่า “ในแคว้นเว่ยมีชายอัปลักษณ์นามไอไถทัว ความอัปลักษณ์ของเขาเพียงพอที่จะเขย่าขวัญโลก ดำเนินชีวิตอย่างกลมกลืนแต่ไม่เคยชักนำ และไม่เคยรู้อะไรมากไปกว่าความเป็นไปรอบๆตัว กระนั้น ทั้งหญิงชายก็ยังมาหาจนเนืองแน่น คนผู้นี้ย่อมต้องมีความแตกต่างจากผู้อื่น ข้าคิดเช่นนั้น จึงเชื้อเชิญเขามา เพื่อประจักษ์ด้วยตาตัวเอง และก็เป็นจริงดั่งที่ผู้อื่นกล่าวขวัญ ความอัปลักษณ์ของเขาเพียงพอที่จะเขย่าขวัญโลก แต่เมื่อข้าได้อยู่กับเขาไม่ทันข้ามเดือน ก็เริ่มตระหนักว่าชายผู้นี้เป็นคนเยี่ยงไร และก่อนที่จะข้ามพ้นปี ข้าก็เชื่อถือเขาอย่างสนิทใจ ไม่มีผู้ใดในแว่นแคว้นนี้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งมหาเสนาบดี และข้าก็ต้องการมอบอำนาจปกครองแก่เขา แต่เขากลับตอบอย่างลังเลเคลือบคลุมราวกับว่าไม่ปรารถนา ในที่สุด เขาก็หนีหายจากไป ข้ารู้สึกอับจนสิ้นหวังเจ็บปวดและสูญเสีย ดุจดั่งไม่มีผู้ใดเหลืออยู่เลยที่จะร่วมสุขในแผ่นดิน”
นายขาเป๋หลังค่อมปากแหว่งสนทนากับเว่ยหลิงกง หลิงกงประทับใจเขามาก จนทำให้เมื่อมองผู้คนปกติทั่วไปกลับรู้สึกว่ามีลำคอลีบเล็ก มีแต่หนังหุ้มกระดูก นายคอพอกโตเท่าเหยือกสนทนากับฉีหวนกง หวนกงประทับใจเขามาก จนทำให้เมื่อมองผู้คนปกติทั่วไปกลับรู้สึกว่ามีลำคอลีบเล็ก มีแต่หนังหุ้มกระดูก
ดังนี้เอง เมื่อคุณธรรมนำหน้า ร่างกายก็จะถูกลืม แต่ผู้คนไม่ลืม “สิ่งที่ควรลืม” แต่กลับหลงลืม “สิ่งที่ไม่ควรลืม” นั่นคือการลืมอย่างแท้จริง ช่างโง่เขลานัก!
จาก “หนังสือจวงจื่อ” บทที่ 4 คุณธรรมที่แท้