ธารน้ำแข็งต้นแม่น้ำแยงซีหดตัวรวดเร็ว สัญญาณอันตรายภาวะโลกร้อน

ซินหวา - ธารน้ำแข็ง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำแยงซี ขนาดใหญ่ที่สุดธารหนึ่ง กำลังหดตัวในอัตรา ที่น่าตกใจ นักวิทยาศาสตร์ชี้เป็นผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกร้อน

นาย ผู่ เจี้ยนเฉิน นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมและวิศวกรรมในภูมิภาคหนาวและแห้งแล้ง (the Cold and Arid Regions Environmental and Engineering Research Institute) ในสังกัดของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน ระบุว่า ธารน้ำแข็ง เจียงกู่ตี๋หรู่ ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาเก้อลาตานตง ได้หดตัวลง 34 เมตรในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา โดยธารน้ำแข็งแห่งนี้เริ่มค่อย ๆ หดตัว ในช่วงระหว่างปี 2513-2523 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการหดตัวได้เปลี่ยนกลับมาเป็นการขยายตัวในช่วงระหว่างปี 2532-2537 แต่หลังจากนั้น ตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมาก็ได้หดตัวเร็วขึ้นกว่าเดิม

ด้านนาย หยาง ซิน ประธานสมาคมปกป้องสิ่งแวดล้อมกรีนริเว่อร์ (the Green River Environmental Protection Association) ระบุว่า ธารน้ำแข็งแห่งนี้มีการหดตัวปีละ 2 เมตรในช่วงปี 2523-2533 และในช่วงปี 2533-2543 อย่างไรก็ตาม การหดตัวเพิ่มขึ้นถึงราวปีละ 6 เมตร ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “ นี่คือหลักฐานโดยตรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก” เขากล่าว

นายผู่ระบุว่า ในระยะสั้น การหดตัวของธารน้ำแข็งอาจทำให้มีน้ำไหลในแม่น้ำมากขึ้น แต่ในระยะยาวอาจทำให้น้ำไหลน้อยลงและแห้งขอดในที่สุด

นักสำรวจทางวิทยาศาสตร์คณะนี้เรียกร้องให้ประชาชนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจำ เพื่อจำกัดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

นอกจากนั้น คณะนักสำรวจยังสามารถบันทึกภาพเสือดาวหิมะ ซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ขณะเสือดาวหิมะกำลังอยู่บนพื้นที่สูงในระดับที่พวกมันไม่เคยอยู่มาก่อน โดยบันทึกภาพด้วยกล้องอินฟาเรด ซึ่งติดตั้งบนธารน้ำแข็งเจียงกู่ตี๋หรู่ที่ระดับความสูงกว่า 5,500 เมตรเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ เสือดาวหิมะเป็นสัตว์สายพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองในกลุ่ม A ในจีน ตามปกติแล้วมักพบบนเทือกเขาหิมาลัยในแถบเอเชียกลางและตอนใต้ ที่ระดับความสูงระหว่าง 3,000 - 5,500 เมตร

อย่างไรก็ตาม เสือดาวหิมะแทบไม่พบเห็นในป่าในช่วงศตวรรษที่แล้ว เนื่องจากถิ่นอาศัยของมันถูกทำลายและเสือดาวหิมะถูกล่า โดยมีการประเมินว่า มีเสือดาวหิมะอาศัยอยู่ในป่าทั่วโลกไม่ถึง 10,000 ตัว โดยราว 2,500-3,500 ตัวอาศัยอยู่ในจีน