อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยสายลับโซเวียต เผยภารกิจพิสดารของ “โจเซฟ สตาลิน” ผู้นำสหภาพโซเวียต ที่เคยสั่งสอดแนม “เหมา เจ๋อตง” ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน รวมถึงผู้นำชาติอื่นๆ ผ่านการวิเคราะห์ “อุจจาระ” เพื่อค้นหาลักษณะนิสัยและจิตใจส่วนตัว
สำนักข่าวบีบีซี รายงาน (29 ม.ค.) อ้างหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรัสเซียระบุว่า ทีมตำรวจลับของสตาลินได้จัดตั้งแผนกพิเศษขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1940 เพื่อทำหน้าที่เก็บสิ่งปฏิกูลของเสียของบุคคลเป้าหมาย โดยเฉพาะบรรดาผู้นำต่างชาติ และนำตัวอย่างมาพินิจพิเคราะห์ส่วนประกอบต่างๆ ที่ซุกซ่อนอยู่
“มันก็คือการจารกรรมข้อมูลผ่าน ‘อึ’ นั่นเอง” รายงานข่าวกล่าว
นายอีกอร์ อะตาเมนโก (Igor Atamanenko) อดีตเจ้าหน้าที่ฯ ผู้อ้างว่าค้นพบโครงการพิศวงนี้ ขณะทำการวิจัยแฟ้มข้อมูลของหน่วยสายลับ บอกว่า “ตอนนั้นโซเวียตไม่ได้มีอุปกรณ์ดักฟังเหมือนปัจจุบัน ทำให้พวกผู้เชี่ยวชาญเกิดความคิดสุดโต่งแบบนี้ขึ้นมาใช้ล้วงข้อมูลเกี่ยวกับตัวบุคคล”
“นายลาฟเรนติ เบเรีย (Lavrenti Beria) คนสนิทของสตาลิน คือผู้รับผิดชอบดูแลห้องปฏิบัติการลับนี้” นายอะตาเมนโกกล่าว เขาเผยกับนักข่าวบีบีซีว่า สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์โซเวียตค้นพบในอุจจาระ เช่น หากอุจจาระมีกรดอะมิโนทริปโตแฟน (Tryptophan) ในระดับสูง ก็หมายถึงบุคลิกสุขุมเยือกเย็นและเข้าถึงง่าย
“แต่ถ้าพบว่าอุจจาระขาดแคลนพวกธาตุโพแทสเซียม ก็เป็นสัญญาณของนิสัยขี้กังวล หรือคนที่กำลังมีปัญหากับโรคนอนไม่หลับ”
นายอะตาเมนโกอ้างว่า สายลับโซเวียตยังใช้วิธีนี้ประเมิน เหมา เจ๋อตง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเดินทางเยือนกรุงมอสโควในเดือนธ.ค. 2492 อีกด้วย โดยติดตั้งห้องสุขาสำหรับเหมาขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ และเชื่อมท่อน้ำทิ้งไปยัง ‘กล่องแห่งความลับ’ แทนบ่อทิ้งสิ่งปฏิกูลเฉกเช่นปกติ
ณ เวลานั้นเหมาถูกปรนเปรอด้วยอาหารและเครื่องดื่มไม่อั้น กินเวลานานนับสิบวัน เพื่อบีบบังคับทางอ้อมให้เขาขับถ่ายอุจจาระออกมา โดยมีรายงานว่าหลังจากสายลับนำอึของเหมาไปวิเคราะห์และศึกษาจนได้ข้อสรุปแล้ว สตาลินก็ตัดสินใจเพิกเฉยต่อการลงนามข้อตกลงกับเหมาทันที
อ้างอิงจากหนังสือ The Coldest Winter ของนายเดวิด ฮัลเบอร์สตัม (David Halberstam) ระบุว่า ตอนที่เหมาไปถึงกรุงมอสโคว เขาประกาศว่าจีนหวังจะเป็นหุ้นส่วนกับโซเวียต และเน้นว่าเขาต้องการได้รับการปฏิบัติต่ออย่างเท่าเทียม
อย่างไรก็ดี แทนที่เหมาจะได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญต่างๆ ระหว่างการเยือนโซเวียต เขากลับกลายเป็น “แขกที่มีสภาพเหมือนนักโทษก็ไม่ปาน” ตามคำกล่าวของนายอดัม ยูลัม นักประวัติศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งเหมาสุดจะอดทน ไปยืนตะโกนใส่กำแพงบ้านพักด้วยเชื่อว่าสตาลินดักฟังอยู่ว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อทำมากกว่ากินและขี้!”
ทั้งนี้ คอมโซโมลสกายา ปราฟดา (Komsomolskaya Pravda) หนึ่งในหนังสือพิมพ์รายวันยอดนิยมของรัสเซีย เผยว่านายนิกิตา ครุสชอฟ ผู้สืบทอดตำแหน่งจากสตาลิน ได้สั่งยกเลิกโครงการและปิดห้องแล็ปทั้งหมดลง
ด้านสำนักงานความมั่นคงกลาง (เอฟเอสบี) ของรัสเซีย ซึ่งนักข่าวบีบีซีติดต่อสอบถามถึงการมีอยู่ของโครงการสอดแนมอุจจาระนี้ ได้ตอบกลับเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวได้”