เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์/MGR Online – ตำรวจฮ่องกงเตือนผู้โดยสารบนเที่ยวบินที่บินเข้าเกาะ ระบุแก๊งมิจฉาชีพป่วนหนัก 9 เดือนแรกปีนี้มีแจ้งความทรัพย์สินสูญหายแล้วแตะ 20 ล้านบาท สัปดาห์ที่แล้วนักธุรกิจชาวอาหรับสูญเงินกว่า 3 หมื่นเหรียญฯ เผยทำกันเป็นขบวนการ แนะอย่าทิ้งของมีค่าไว้บนช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ
แก๊งอาชญากรเปลี่ยนที่ทำมาหากินอีกแล้ว วานนี้ (15 ต.ค.) สื่อฮ่องกงอย่างหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์เผยแพร่ข่าวว่า ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2558 นี้มีสถิติระบุว่า มีการรับแจ้งทรัพย์สินสูญหายบนเที่ยวบินโดยสารที่บินเข้าฮ่องกงรวมมูลค่ากว่า 4.45 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
สัปดาห์ที่ผ่านมาเหยื่อรายหนึ่งเป็นผู้โดยสารชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่ประสงค์จะเปิดเผยรายชื่อ ซึ่งทำธุรกิจต้องบินเข้าออกฮ่องกงอย่างน้อยเดือนละครั้งเป็นเวลานับสิบปี แจ้งความว่าเพิ่งถูกขโมยเงินสดจำนวน 30,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 1.08 ล้านบาท จากที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะบนเที่ยวบินของสายการบินเอทิฮัดที่มีจุดหมายปลายทางยังเกาะฮ่องกง
ผู้โดยสารชาวอาหรับ กล่าวเตือนนักเดินทางคนอื่นที่ต้องโดยสารเที่ยวบินขาเข้าบนเที่ยวบินแบบข้ามวันข้ามคืนว่า การพกพาทรัพย์สินมีค่าขึ้นเครื่องนั้น “อันตรายอย่างยิ่ง”
“อาชญกรกลุ่มนี้เป็นมืออาชีพ และทำงานได้แนบเนียนมาก คุณไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นคือการขโมยของ” เหยื่อชาวอาหรับระบุและว่า บริเวณที่นั่งชั้นประหยัดบนเที่ยวบินที่เขาโดยสารมานั้นก็ไม่ได้คนแน่นอะไร ส่วนที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะของเขาก็มีแต่กระเป๋าของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งนี้การออกมาให้ข่าวครั้งนี้เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เงินคืน เพียงแต่ต้องการจะกล่าวเตือนให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ เพิ่มความระมัดระวังแก๊งหัวขโมยเท่านั้น
ด้านตำรวจฮ่องกงเปิดเผยสถิติ ณ สิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาระบุว่ามูลค่าการก่ออาชญากรรมขโมยทรัพย์สินบนเครื่องบินในปี 2558 นั้นแตะ 4.45 ล้านเหรียญฮ่องกง โดยตัวเลขดังกล่าวนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าสถิติในปี 2556-2557 สองปีรวมกันเสียอีก
ขณะที่กรณีดังกล่าวตำรวจฮ่องกงยืนยันว่ากำลังดำเนินการสืบสวนอยู่ ส่วนสายการบินเอทิฮัดก็ยืนยันเช่นกันว่า ทางผู้เสียหายได้แจ้งเรื่องกับทางผู้รับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกันตำรวจฮ่องกงยังเปิดเผยกระบวนการฉกทรัพย์ของแก๊งหัวขโมยบนเครื่องบินเหล่านี้ว่า แก๊งขโมยทรัพย์สินบนเครื่องบินมักจะทำงานกันเป็นคู่ และมักจะดำเนินการในช่วงที่มีการหรี่ไฟในห้องผู้โดยสาร ในขณะที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่กำลังนอนหลับพักผ่อน โดยคนหนึ่งจะมีหน้าที่ดูต้นทางพนักงานต้อนรับบนเครื่องที่เดินไปเดินมา ขณะที่อีกอีกคนจะหยิบกระเป๋าสัมภาระเข้าไปยังห้องน้ำเพื่อค้นหาและเก็บของมีค่าก่อนนำกลับมาไว้ที่เดิม
ด้าน Keith Lau Ka-yip หัวหน้าพนักงานสอบสวนได้กล่าวเตือนผู้โดยสารว่า อย่าทิ้งของมีค่าไว้ในกระเป๋าบนช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ โดยหากจำเป็นต้องลุกจากที่นั่งไปทำธุระก็ให้นำเงินสดและของมีค่าติดตัวไปด้วย หรือฝากเพื่อนเอาไว้
นอกจากนี้การเอาผิดหัวขโมยบนเครื่องบินที่เริ่มก่อปัญหามากขั้นนับตั้งแต่ปี 2555 ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะกฎหมายของฮ่องกงครอบคลุมการลงโทษผู้ก่ออาชญากรรมนอกน่านฟ้าฮ่องกง บนเครื่องบินที่จดทะเบียนในประเทศอื่น ขณะที่กระทรวงยุติธรรมของฮ่องกงแนะนำตำรวจว่าให้ดำเนินคดีกับหัวขโมยเหล่านี้ในข้อหาประพฤติตัวไม่เหมาะสม ซึ่งจะได้ผลมากกว่า
เมื่อเดือนกันยายน 2558 ก็มีเรื่องราวทำนองเดียวกันเผยแพร่ในโลกสื่อสังคมออนไลน์ของไทย โดยเป็นเหตุการณ์ขโมยของบนเครื่องบินการบินไทย ซึ่ง เฟซบุ๊ก “เรื่องเล่าจากฟากฟ้า” เล่าเหตุการณ์ที่ลูกเรือการบินไทยสามารถจับกุมมิจฉาชีพที่แฝงตัวมากับผู้โดยสารชั้นธุรกิจ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนเที่ยวบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 518 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวลา 20.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น ถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ เวลา 06.40 น. โดยผู้โดยสารเป็นชาวจีนที่ลงทุนนั่งชั้นธุรกิจมาเพื่อขโมยทรัพย์สินโดยเฉพาะ ทว่าถูกลูกเรือการบินไทยจับตัวได้ในที่สุด (อ่านเพิ่มเติม : ระทึกบนฟ้า! สจ๊วตการบินไทยจับโจรชาวจีน ลงทุนนั่งชั้นธุรกิจขโมยเงิน)