เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของโกลด์แมนแซกส์กรุุ๊ปชี้ เศรษฐกิจแดนมังกรในขณะนี้กำลังขาดความสมดุลยิ่งกว่าเมื่อสมัยประธานเหมา เจ๋อตงเริ่มนโยบายก้าวกระโดดไกล( Great Leap Forward) เมื่อ 50 กว่าปีก่อน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจจีนครั้งนั้น ทรุดหนัก
นาย ฮา จี้หมิง รองประธานของโกลด์แมนแซกส์กรุ๊ป วาณิชธนกิจชั้นนำของสหรัฐฯ และหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสำหรับลูกค้ารายย่อยในจีนกล่าวในการประชุม ซึ่งนิตยสารไฉซินจัดขึ้นที่นครนิวยอร์กเมื่อวันพุธ ( 14 ต.ค.) ว่า นโยบายก้าวกระโดดไกลเริ่มดำเนินการเมื่อปี พ.ศ.2502 ซึ่งมาตรการหนึ่งก็คือให้ประชาชนนำอุปกรณ์เครื่องใช้ หม้อหุงต้ม และลูกบิดประตูมาหลอม เพื่อเพิ่มผลผลิตเหล็กกล้าของจีน แต่ในที่สุดนโยบายนี้ก็ทำให้เกิดภาวะอดอยาก และคร่าชีวิตผู้คนหลายล้านคน
อย่างไรก็ตาม นายฮา ระบุว่า เศรษฐกิจของจีนในปัจจุบันมีความบิดเบือนและขาดสมดุลยิ่งกว่าในยุคนั้น โดยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีน ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ในโลกเมือปีที่แล้ว เพิ่มสูงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนถึงร้อยละ 46 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี
อดีตนักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอ็มมานานกว่า 10 ปีผู้นี้เตือนว่า เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวได้ก็ต่อเมื่อรัฐบาลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงแก้ไขภาวะเงินฝืด ผลผลิตอุตสาหกรรมล้นเกิน และการปล่อยกู้มากจนเกินไป โดยเศรษฐกิจจีนกำลังสะดุดชะงัก เนื่องจากรัฐบาลได้หันกลับไปใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการปล่อยกู้ เพื่อให้มีการนำเงินไปลงทุนในภาคโรงงาน การก่อสร้าง และเครื่องจักรกล ซึ่งในที่สุดได้ก่อให้เกิดปัญหารัฐบาลท้องถิ่นและผู้ประกอบการมีหนี้สินพะรุงพรัง
นอกจากนั้น เขายังระบุด้วยว่า ความเสี่ยงที่ใหญ่สุดประการหนึ่งสำหรับจีนก็คือการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจโดยอิงกับวาระทางการเมือง
ทั้งนี้ จากประมาณการโดยเฉลียของนักเศรษฐศาสตร์ ที่มีการสำรวจ ก่อนหน้าทางการจีนจะประกาศตัวเลขในสัปดาห์หน้าระบุว่า จีดีพีของจีนอาจขยายตัวร้อยละ 6.8 ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งชะลอการเติบโตมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา