เขตโบราณสถาน ถู่ซือ ขึ้นแท่นมรดกวัฒนธรรมโลกของยูเนสโก จีนครองแท่นจ้าวมรดกโลกอันดับสองของโลก

ASTVผู้จัดการออนไลน์-- แหล่งโบราณสถานชนเผ่าในประเทศจีน “ถู่ซือ” ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกในทำเนียบมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อวันเสาร์(4 ก.ค.) นับเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 48 ของจีน ทำให้แดนมังกรกลายเป็นจ้าวแหล่งมรดกโลกอันดับสอง ตามหลังอิตาลี จากรายงานข่าวสำนักข่าวซินหวาและไชน่า เดลี่

คณะกรรมการพิจารณาแหล่งมรดกโลกแห่งองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโกครั้งที่ 39 ได้ประกาศให้ซากโบราณสถาน ถู่ซือ(土司遗址) 3 แห่ง ในจีน เป็นมรดกวัฒนธรรมโลก ได้แก่ ซากโบราณสถานวังไห่หลงทุน เมืองจุนอี้ มณฑลกุ้ยโจว (贵州遵义海龙屯), ซากโบราณสถานเมืองถังหยา เมืองเอินซือ มณฑลหูเป่ย(湖北恩施唐崖土司城址) และซากโบราณสถานเมืองหย่งซุ่น เมืองเหล่าซือเฉิง มณฑลหูหนัน(湖南永顺老司城遗址) โดยนับเป็นครั้งแรกที่กลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่ ถู่จยา (土家族) เหมียว หรือแม้ว (苗族) และเกอหล่า(仡佬族) ได้มีแหล่งมรดกวัฒนธรรมโลกเป็นของตัวเอง

ทั้งนี้การประชุมจัดขึ้นที่กรุงบอนน์ ประเทศเยอรมนี เมื่อวันเสาร์ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา

ถง หมิงคัง รองผู้อำนวยการมรดกวัฒนธรรมแห่งรัฐ (State Administration of Cultural Heritage) กล่าวว่า โครงสร้างถู่ซือส่วนใหญ่สร้างขึ้นในยุคราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368-1644) ซากโบราณสถานทั้งสามแห่งนี้ เป็นตัวแทนของซากโบราณสถานถู่ซือ กว่า 100 แห่ง ในประเทศจีน ที่ได้รับผลกระทบจากวิถีชีวิตสมัยใหม่น้อยมาก มีความโดดเด่นในหลายๆด้าน ซากโบราณสถาน ประกอบด้วย จวนหัวหน้าชนเผ่า ที่ทำการรัฐบาล ศาลยุติธรรม สุสาน และป้อมกำแพง เป็นต้น

“ถู่ซือ” เผยระบบการปกครองชนชาติส่วนน้อยยุคจักรพรรดิจีน
ซากโบราณสถาน ถู่ซือ เสมือนจารึกระบบการปกครองกลุ่มชาติพันธุ์ในจีน ระหว่างศตวรรษที่ 13 ถึง กลางศตวรรษที่ 20 รวมเวลาราว 800 ปี

ถู่ซือ คือ ตำแหน่งหัวหน้าชนเผ่าที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลกลางยุคโบราณ ราชสำนักฮ่องเต้ได้ใช้ระบบ ถู่ซือ ปกครองกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งนับเป็นชนชาติส่วนน้อยที่มีอยู่มากมายในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

“สำหรับซากโบราณสถาน ถู่ซือ 3 แห่ง เป็นแหล่งวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ 3 กลุ่มที่แตกต่างกัน แสดงถึงวัฒนธรรมที่หลากหลายและประวัติศาสตร์ยุคโบราณของจีน” ฟู่ จิ้ง ผู้เชี่ยวชาญการวิจัยและการออกแบบเกษตรกรรมแห่งจีน

ซากโบราณสถานเมืองถังหยา ถู่ซือ มณฑลหูเป่ย ตอนกลางของประเทศจีน เป็นถิ่นของชาติพันธุ์ถู่จยา ดำรงอยู่ 460 ปี รูปปั้น สุสาน ทางลอดซุ้มหลังคาโค้ง ยังปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน

ซากโบราณสถานเมืองหย่งซุ่น ถู่ซือ มณฑลหูหนัน เป็นถิ่นของชาติพันธุ์ถู่จยา มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 600 ปี ทอดตัวอยู่บนฝั่งแม่น้ำ มีทั้งวัด ศาลสักการะบรรพชน สุสาน และทางลอดซุ้มหลังคาโค้ง ตลอดจนระบบบำบัดน้ำเสียกากตะกอนที่ซับซ้อนและยังใช้งานได้

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เมืองเก่าหย่งซุ่น เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการวิจัยวัฒนธรรมถู่ซือ และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกลางและบรรดาชนชาติส่วนน้อยยุคโบราณ

หลัว เหว่ยชิ้ง จากมหาวิทยาลับจี๋โส่ว เมืองเซียงซี มณฑลหูหนัน กล่าวว่าระบบถู่ซือเป็นแบบอย่างการรักษาความหลากหลายทางวัฒนธรรมในประเทศที่มีชาติพันธุ์มากมายและดำรงอยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์

รัฐบาลท้องถิ่นหยุ่งซุ่นกำลังสร้างพิพิธภัณฑ์ และสวนสาธารณะในเมืองถู่ซือ ซึ่งจะเปิดในเดือนก.ย.นี้ เพื่ออนุรักษ์เมืองเก่า และเพื่อให้การศึกษาแก่ประชาชน ได้เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นมากขึ้น

สำหรับปราสาทไห่หลงทุน ในเมืองจุนอี้ มณฑลกุ้ยโจว เป็นถิ่นของชาติพันธุ์แม้ว สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1257 รัฐบาลท้องถิ่นจุนอี้ได้จัดสรรงบประมาณ ราว 300 ล้านหยวน หรือราว 1,500 ล้านบาท เพื่อย้ายผู้อยู่อาศัยในเขตโบราณสถานออกไป และปฏิสังขรณ์พื้นที่ ทั้งนี้จากการเปิดเผยของนาย กัว เจิ้งสยง ผู้อำนวยการเขตฮุ่ยชวน เมืองจุนอี้

ทั้งนี้ ยูเนสโก ได้ประกาศแหล่งมรดกโลก รวมทั้งสิ้น 1,007แห่ง ทั่วโลก ได้แก่ แหล่งมรดกวัฒนธรรมโลก 779 แห่ง แหล่งมรดกธรรมชาติ 197 แห่ง และแหล่งมรดกผสมผสาน 31 แห่ง

สำหรับประเทศจีน มีแหล่งมรดกโลก รวม 48 แห่ง เป็นรองแต่อิตาลี เท่านั้น.

ชมภาพ ซากโบราณสถาน ถู่ซือ ที่เพิ่งได้ขึ้นทำเนียบมรดกวัฒนธรรมโลกของ ยูเนสโก มาหมาดๆ (ภาพ ซินหวา /ไชน่า เดลี่)