เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวบวกกับมาตรการปราบเจ้าหน้าที่รัฐใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ส่งผลกระทบต่อรายได้ของภัตตาคารหรูบนแดนมังกร หดตัวลงกว่าร้อยละ 6 ในปีที่ผ่านมา
สมาคมโรงแรมแห่งประเทศจีน (China Hotel Association) กล่าวในรายงานอุตสาหกรรมว่า แม้จำนวนลูกค้าของภัตตาคารระดับบนภายในประเทศจะเพิ่มสูงขึ้นราวร้อยละ 10 ในปี 2557 แต่ปริมาณเงินที่พวกเขาควักกระเป๋าจ่ายกลับลดลงเฉลี่ยร้อยละ 20
ด้วยเหตุนี้ มีแนวโน้มว่าธุรกิจจัดเตรียมอาหารของจีนได้ก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านอันลึกซึ้ง พลิกโฉมจากขนาดใหญ่โตและหรูหราไปเป็นขนาดเล็กและเรียบง่ายในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐใช้เงินในภัตตาคารน้อยลง สวนกับลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ที่เพิ่มจำนวนทดแทน
ภาคธุรกิจฯ เริ่มฟื้นตัวในส่วนภาพรวมรายได้จากภัตตาคารทุกประเภทในปี 57 โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 เมื่อเทียบกับปี 56 ซึ่งเป็นผลจากการจ่ายเงินค่าอาหารในกิจกรรมต่างๆ อาทิ ช่วงวันหยุดพักผ่อน และงานเลี้ยงฉลองการแต่งงาน
ขณะที่ ‘หม้อไฟและฟาสต์ฟู้ด’ กลายเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมียอดจำหน่ายสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 16 และร้อยละ 11 ตามลำดับในปีก่อน
นอกจากนั้นภัตตาคารหม้อไฟยังครองส่วนแบ่งตลาดขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อวัดจากภัตตาคาร 100 แห่งที่ทำรายได้สูงสุดบนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากผลกำไรปริมาณมหาศาล เพราะต้นทุนแรงงาน วัตถุดิบ และเชื้อเพลิงอยู่ในระดับต่ำ
ส่วนพื้นที่ที่มีอัตราการบริโภคในภัตตาคารมาเป็นอันดับหนึ่งคือ มณฑลกวางตุ้ง ด้วยมูลค่าราว 284,000 ล้านหยวน หรือเกือบ 1,500,000 ล้านบาท ขณะที่อีกสองมณฑลที่มีการใช้จ่ายเงินในภัตตาคารเกินสองแสนล้านหยวน ได้แก่ มณฑลซันตง และมณฑลเจียงซู
ด้านกรุงปักกิ่งถือเป็นเทศบาลนครเพียงแห่งเดียวจากทั้งหมดสี่แห่ง (ปักกิ่ง, เทียนจิน, เซี่ยงไฮ้ และฉงชิ่ง) ที่สถิติรายได้ของภัตตาคารลดลงเมื่อเทียบกับปี 56 โดยมูลค่าการใช้จ่ายอยู่ที่ 71,000 ล้านหยวน (ราว 355,000 ล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในสี่ของกวางตุ้งเท่านั้น
สมาคมฯ ชี้ว่าปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้ลดลงมาจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่เติบโตร้อยละ 7.4 ในปี 57 ซึ่งนับว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 24 ปี ขณะเดียวกันรัฐบาลกลางก็ออกนโยบายควบคุมการใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้สิ้นเปลืองหรือฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น ทั้งยังสั่งห้ามการจัดงานเลี้ยงหรูหราอู้ฟู่อีกด้วย