เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเดือนเม.ย. ปรับขึ้น แต่การลงทุนโตช้าที่สุดในรอบกว่า 14 ปี บ่งชี้ว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินของรัฐบาลปักกิ่งเริ่มซึมซาบเข้าไปในเศรษฐกิจ แต่อาจต้องผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อหนุนเศรษฐกิจให้กระเตื้องกว่านี้
จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) เมื่อวันพุธ ( 13 พ.ค.) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ โตร้อยละ 5.9
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ซึ่งชี้วัดการใช้จ่ายของรัฐบาลในโครงสร้างพื้นฐาน โตร้อยละ 12 ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งช้าสุด นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2543 เป็นต้นมา
ส่วนยอดค้าปลีกชะลออัตราการเติบโตลงมาอยู่ที่ร้อยละ 10 ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์และต่ำสุดในรอบ 9 ปี โดยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. ซึ่งชี้วัดการใช้จ่ายของผู้บริโภคแดนมังกร โตช้าที่สุด นับตั้งแต่เดือนก.พ. ปี2549 ซึ่งมีการขยายตัวร้อยละ 9.4
ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนนี้ยังต่ำกว่าการคาดการณ์เฉลี่ยจากผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกโตร้อยละ 10.4 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโตร้อยละ 6 และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรโตร้อยละ 13.5
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดนี้แสดงให้เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจจีน ที่ยังไม่น่าพอใจ หลังจากเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก มีจีดีพีในปี 2557 โตเพียงร้อยละ 7.4 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบเกือบ 25 ปี
อย่างไรก็ตาม นายเซิง ไหลอวิ้น โฆษกของเอ็นบีเอสระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจจีนยังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยยังมีปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นการลงทุนภาคเอกชน และการค้าปลีกออนไลน์ อย่างไรก็ตาม สภาวการณ์ที่หนักหนาสาหัสและซับซ้อนทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศยังไม่เปลี่ยนแปลง สะท้อนให้เห็นได้จากยอดการนำเข้าและส่งออกของจีน ที่ชะลอลง
ขณะที่นายแลร์รี หู หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจจีนของบริษัทหลักทรัพย์แมคควอรีนในฮ่องกงระบุว่า ช่วงไตรมาสแรกที่มืดมนสุดได้ผ่านไปแล้ว แต่เศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแออย่างมาก ซึ่งรัฐบาลจีนจะยังเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา (10 พ.ค.) ธนาคารกลางของจีนเพิ่งประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557 และปรับลดสัดส่วนการกันทุนสำรองของธนาคารพาณิชย์ถึง 2 ครั้งแล้วในปีนี้ ตลอดจนประกาศมาตรการอื่น ๆ เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องในตลาด โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จีนจะประกาศมาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกมาอีกในปีนี้
