เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ทางการจำกัดชาวเมืองเซินเจิ้นเดินทางเข้าเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้เพียงสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง หวังลดปัญหาการลักลอบซื้อสินค้าข้ามพรมแดนกลับเข้ามาขายต่อเอากำไร
คณะผู้บริหารเทศบาลนครเซินเจิ้นออกกฎระเบียบใหม่ดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ ( 10 เม.ย.) จากกฎระเบียบเดิม ที่กำหนดให้ผู้อาศัยถาวรในนครแห่งนี้ถือใบอนุญาตเดินทางเข้าฮ่องกงได้หลายครั้งเท่าที่ต้องการ
แหล่งข่าวของคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเปิดเผยว่า นโยบายปรับจำนวนการเดินทางนี้จะช่วยลดจำนวนผู้เดินทางเข้าฮ่องกงได้ถึงร้อยละ 30 หรือ 4 ล้าน 6 แสนคนต่อปี ซึ่งยังจะช่วยลดปัญหาผู้เดินทางมากว้านซื้อสินค้าในฮ่องกง เพื่อนำกลับไปขายต่อในราคา ที่แพงขึ้นอีกด้วย
เมื่อปีที่แล้วมีผู้เดินทางมาฮ่องกงจำนวนทั้งสิ้น 60 ล้าน 8 แสนคน โดยในจำนวนนี้ราว 14 ล้าน 9 แสนคนมาจากเซินเจิ้น และถือใบอนุญาติเข้าฮ่องกงได้หลายหน
การเข้ามากว้านซื้อสินค้าดังกล่าว ตลอดจนนักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่ ที่ล้นทะลักเข้าฮ่องกง กลายเป็นประเด็นจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างชาวฮ่องกงกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ กระทั่งมีการเดินขบวนประท้วงและการกระทบกระทั่งกันขึ้นในเขตนิวเทอร์ริทอรีส์ โดยชาวจีนแผ่นดินใหญ่ถูกกล่าวหาว่า เข้ามาซื้อสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น นมผงเลี้ยงทารก และผ้าอ้อมเด็ก นอกจากนั้น ยังทำให้ระบบการขนส่งมวลชนในฮ่องกงมีผู้โดยสารแออัดยัดเยียด
อย่างไรก็ตาม ชาวเมืองเซินเจิ้นบางคนไม่เชื่อว่า มาตรการใหม่นี้จะช่วยแก้ปัญหาการลักลอบซื้อสินค้าข้ามพรมแดนได้ เพราะร้อยละ 60 ของขบวนการนี้เป็นชาวฮ่องกงเสียเอง
ขณะที่พนักงานบริษัทหญิงผู้หนึ่งในเซินเจิ้นรู้สึกผิดหวังฮ่องกง ซึ่งการช้อปปิ้งไม่มีบรรยากาศเป็นมิตรอีกต่อไป และตั้งแต่เทศกาลตรุษจีนเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา เธอก็มิได้ข้ามพรมแดนเข้าไปที่นั่นอีกเลย
เจ้าของบริษัทรายหนึ่งในเซินเจิ้นระบุว่า เธอเดินทางไปทำธุรกิจที่ฮ่องกงบ่อย ๆ และเคยหวังว่า ทางการจะจำกัดการเดินทางเหลือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ส.ส. ฮ่องกง ซึ่งดูแลงานด้านการท่องเที่ยวตั้งข้อสังเกตว่า การออกกฎระเบียบใหม่นี้ไม่มีการประกาศวันบังคับใช้ ซึ่งแสดงว่า อาจมีการนำนโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็เป็นได้
ด้านโฆษกของกลุ่มนักรณรงค์ ซึ่งต่อต้านการลักลอบซื้อสินค้าข้ามพรมแดนไม่มั่นใจว่า นโยบายใหม่จะใช้ได้ผล เนื่องจากแก๊งลักลอบขนสินค้าเถื่อนจะหันไปว่าจ้างคนอื่นมาทำงานนี้แทนชาวเมืองเซินเจิ้นนั่นเอง