เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - นายกรัฐมนตรีจีนเชื่อ การสร้างความทันสมัยในภาคเกษตรกรรมบนแดนมังกรจะช่วยรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจจีน ที่กำลังชะลอการเติบโตได้
ในบทความล่าสุดของนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ในวารสารฉิวซื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อวันอาทิตย์ ( 15 ก.พ.) เขาเสนอว่า การยกเครื่องวิธีการทำการเกษตรครั้งใหญ่ และการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตร อาจช่วยส่งเสริมรายได้ในชนบท และสร้างกำลังซื้อแก่เกษตรกรจีน ซึ่งจะเป็นวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของจีน ที่กำลังชะลอตัวในขณะนี้ได้
"เกษตรกรเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศ…เราสามารถกระตุ้นความต้องการบริโภค ที่มีศักยภาพมหึมาของเกษตรกรได้ด้วยการเร่งให้เกิดการปรับปรุงภาคเกษตรกรรมไปสู่ความทันสมัย ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ” นายกรัฐมนตรีหลี่ระบุ
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนในปีที่แล้วชะลอการเติบโตมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 24 ปี เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ในวงกว้าง ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า มีประชากรจีน ซึ่งยังคงยึดอาชีพเกษตรกรรมอยู่ราวร้อยละ 45 หรือ 630 ล้านคนในประเทศ กระนั้นก็ตาม การผลิตในภาคการเกษตรยังล้าหลังชาติพัฒนาอยู่มาก โดยพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมดในประเทศมีรัฐเป็นเจ้าของ แต่ให้สิทธิ์ชาวบ้านเช่าทำกิน นอกจากนั้น เมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลปักกิ่งยังอนุญาตให้ชาวบ้านสามารถโอนสิทธิ์ในการใช้พื้นที่ทำเกษตรกรรมให้แก่ผู้อื่นได้ด้วย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจุบันเกษตรกรจีนจำนวนมายังเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อเพิ่มผลผลิตได้ลำบาก
นายกรัฐมนตรีหลี่กล่าวในบทความชิ้นนี้ว่า แม้จีนสามารถผลิตอาหารเลี้ยงผู้คนในประเทศได้อย่างเพียงพอ แต่ยังต้องจ่ายต้นทุนสูงอย่างมากในการทำฟาร์ม ทั้งในด้านการใช้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และแผ่นพลาสติก ซึ่งล้วนแล้วแต่มีการใช้กันมากจนเกินไป ซึ่งส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและต่อความปลอดภัยด้านอาหารตามมา ดังนั้น เกษตรกรจึงต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค ในเรื่องคุณภาพอาหารมากกว่าปริมาณการผลิตเป็นสำคัญ
นอกจากเสนอให้มีการปรับปรุงภาคเกษตรกรรมให้ทันสมัยแล้ว นายกรัฐมนตรีแดนมังกรยังเชื่อว่า การส่งเสริมการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่นชนบทยังอาจช่วยดูดซับปริมาณการผลิตที่ล้นเกินในอุตสาหกรรมการผลิตปูนและเหล็กกล้าในประเทศลงได้ รวมทั้งยังจะเป็นการสร้างงานแก่ประชาชนอีกด้วย