นานมาแล้วมีเศรษฐีอยู่คนหนึ่งติดนิสัยชอบโป้ปดมดเท็จอยู่เป็นนิจ โชคยังดีที่คนรับใช้ข้างกายของเศรษฐี ทั้งเป็นห่วงเจ้านายทั้งมีปฏิภาณไหวพริบจึงพอจะช่วยแก้ตัวให้เจ้านายไม่ให้เสียหน้าได้ตลอดรอดฝั่ง
วันหนึ่ง ระหว่างที่เศรษฐีสังสรรค์อยู่กับเหล่ามิตรสหาย ก็หลุดปากโกหกขึ้นคำโตว่า “เมื่อคืนนี้บ้านของข้ามีลมพายุแรงมาก แรงจนขนาดที่ว่าหลังบ้านของข้ามีบ่อน้ำอยู่บ่อนึง เมื่อคืนถูกลมพัดปลิวไปตกที่บ้านข้างๆ เสียอย่างนั้น ...” เหล่ามิตรสหายที่นั่งอยู่เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าดังกล่าวต่างก็หัวร่องอหาย เยาะเย้ยเศรษฐีเจ้าของบ้านว่าสงสัยจะเสียสติ วิกลจริตไปเสียแล้ว
ด้านคนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้นจึงเอ่ยปากแทรกขึ้นว่า “ทุกท่านช้าก่อน เมื่อคืนนี้ลมแรงมากจริงๆ แรงจนพัดเอารั้วไม้ไผ่ที่ล้อมบ่อน้ำของบ้านหลังนี้ไปตกที่บ้านข้างๆ ซึ่งเมื่อดูเผินๆ ก็คล้ายว่าบ่อน้ำบ้านนี้ถูกลมพัดปลิวไปอยู่บ้านนู้น ... จริงๆ เรื่องก็มีเพียงเท่านี้” เมื่อทุกคนได้ยินคำอธิบายเช่นนั้นก็หยุดหัวเราะเยาะเย้ยเศรษฐีลงในทันที
อีกครั้งหนึ่ง เศรษฐีคนเดิมหลุดปากคุยโวโอ้อวดกับเพื่อนบ้านอีกว่า “ไม่กี่วันก่อน ข้าเห็นคนยิงนกอินทรีร่วงลงจากฟ้า ไม่น่าเชื่อว่าตอนตกลงมาที่หัวนกอินทรีจะมีชามก๋วยเตี๋ยวติดอยู่ด้วย!” เมื่อเพื่อนบ้านได้ฟังดังนั้นก็ทำตาโต เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง โดยขณะที่กำลังจะถามเศรษฐีต่อว่าชามก๋วยเตี๋ยวไปอยู่บนหัวนกอินทรีได้อย่างไร คนรับใช้ก็กล่าวแทรกขึ้นว่า “เรื่องที่ท่านเศรษฐีกล่าวน่ะเป็นเรื่องจริง โดยวันนั้นเจ้านายของข้ากำลังกินก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นึกไม่ฝันว่าอยู่ดีๆ จะมีนกอินทรีตัวเขื่องถูกยิงร่วงลงมาจากฟ้า พอดี๊พอดีหัวทิ่มลงมาในชามก๋วยเตี๋ยว ... ภาพเช่นนี้ก็เหมือนกับว่าบนหัวนกมีชามก๋วยเตี๋ยวติดอยู่มิใช่หรือ?”
กระทั่งอีกครั้งหนึ่ง ต่อหน้าชาวบ้านร้านช่องจำนวนมาเศรษฐีเอ่ยเรื่องโกหกคำโตขึ้นว่า “ที่บ้านของข้ามีผ้าม่านขนาดมหึมาอยู่ผืนหนึ่ง ผ้าม่านผืนนี้เมื่อคลี่ออกก็ใหญ่จนสามารถคลุมแผ่นฟ้าและผืนดินได้แบบมิดชิดเลยทีเดียว!”
ไม่ทันที่ชาวบ้านร้านช่องจะเอ่ยปากหัวร่อในคำโป้ปดของเศรษฐีเด็กเลี้ยงแกะ คนรับใช้คนเดิมก็ชิงกล่าวด้วยเสียอันดังขึ้นเสียก่อนว่า “นายท่านนะนายท่าน ... พูดอะไรออกมาไม่ได้ดูความเป็นจริงเสียเล้ย นายท่านพูดมาอย่างนี้ แล้วกระผมจะแก้ตัวให้นายท่านได้ยังไง!?!”
เรียบเรียงจาก 《笑林广记》โดย โหยวซี่จู่เหริน (游戏主人), ราชวงศ์ชิง