เอเจนซี - ตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดไปกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือดัชนีชี้วัดผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) อุทิศตัวยอมแลกทุกสิ่งกับดัชนีวัดความก้าวหน้าหนึ่งเดียวนี้ ทัศนคติเกี่ยวกับดัชนีจีดีพีนี้ฝังหัวอยู่ในดีเอ็นเอของเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นทุกคน ทั้งผูกติดกับเก้าอี้ตำแหน่ง อนาคตความรุ่งเรืองทางการเมืองด้วย
ประกาศิตตัวเลขจีดีพีนั้น เคยมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายผู้คนมานักต่อนัก ดังนั้น เมื่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศว่า "เราคงไม่ใช้ดัชนีจีดีพี มาตัดสินว่าใครเก่งเป็นวีรบุรุษกันอีกแล้ว" ย่อมเป็นสัญญาณตัดขาดขนบฯ ของจีดีพีแบบเดิมๆ ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นก็คงจดจ้องดูทิศทางใหม่นี้อย่างใจจดใจจ่อ ด้วยว่าเป้าหมายจีดีพี เคยเป็นตัวชี้วัดพิจารณางบประมาณของรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละปี ไม่ว่าจะมองทางไหน จีดีพีจึงเปรียบเสมือนศูนย์กลางจักรวาล หรือลมหายใจของการพัฒนาตลอดเวลาที่่ผ่านมาทีเดียว
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อทั้งจีนและต่างประเทศจึงได้ให้ความสนใจกับข่าวเศรษฐกิจเล็กๆ แต่เป็นนิมิตหมายใหญ่ นั่นคือคำประกาศของหยาง สยง นายกเทศมนตรีนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งกล่าวชัดเจนหนักแน่นเมื่อวันที่ 25 มกราคมว่า เซี่ยงไฮ้จะเติบโตอย่างช้าๆ แต่มั่นคง และจะไม่ให้ความสำคัญกับตัวเลขจีดีพี รวมทั้งไม่ระบุคาดการณ์เป้าหมายในปีนี้ด้วย
รายงานข่าวกล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมา มณฑลต่างๆ 31 มณฑลของจีน และเมืองระดับมหานคร ต่างก็มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลง สืบเนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว และเมื่อปีที่แล้ว มณฑลต่างๆ เหล่านี้ ต่างก็ทำตัวเลขจีดีพีได้ไม่ถึงเป้าฯ ที่คาดการณ์ไว้ อันเป็นสัญญาณว่า การตั้งเป้าหมายตัวเลขจีดีพีเหล่านี้ ไม่ได้มีความสำคัญเช่นอดีตที่ผ่านมาแล้ว
เซี่ยงไฮ้ เมืองระดับ 1 ใน 4 มหานคร ที่มีสถานะการบริหารของรัฐบาลท้องถิ่นเทียบเท่ามณฑลและมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจระดับร้อยละ 7 ในปีที่ผ่านมานี้ (พ.ศ.2557) เป็นมหานครแรกที่ชูธงนำ ขยับตามคำผู้นำฯ ในการละเป้าหมายการพัฒนาแบบเน้นตัวเลขจีดีพี ซึ่งสัญญาณนี้ย่อมมีนัยยะสำคัญจริงจังไม่น้อย
รัฐบาลจีนได้เรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นพัฒนาเศรษฐกิจเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ ยุติการทำลายสิ่งแวดล้อม ผลาญทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งก่อหนี้สาธารณะมหาศาล เพียงเพราะต้องการบรรลุเป้าจีดีพี ที่ไม่สามารถชี้วัดคุณภาพชีวิตที่แท้จริงได้ หลายฝ่ายจึงเห็นพ้องว่า หากจะบรรลุแนวทางใหม่ได้ ต้องเลิกยึดติดกับเป้าหมายจีดีพี
จู่ หนิง จากสถาบันการเงิน แอดวานซ์ อินสติติวท์ ออฟ ไฟแนนซ์ เซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า เมื่อเซี่ยงไฮ้ไม่มีตัวเลขจีดีพีคอยค้ำคออยู่ ย่อมจะทำให้มีสมาธิกับกรอบการพัฒนามิติอื่นๆ รวมถึงการนำร่องปฏิรูปเศรษฐกิจเขตการค้าเสรี ปฏิรูปการเงิน อันเป็นเป้าหมายสำคัญของมหานครนี้
ผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะฟังธงว่า นี่คือสิ้นสุดยุคตั้งเป้าจีดีพีแล้วหรือไม่ เพราะดัชนีจีดีพียังคงมีความสำคัญในการกำหนดนโยบาย ทิศทางและประเมินผลความก้าวหน้าของการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่ยากจนต่างๆ ของประเทศ ซึ่งต้องการเร่งพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจเพื่อลดช่องว่างกับบรรดาเมืองเศรษฐกิจชายฝั่ง เป็นต้นว่า เป้าหมายจีดีพีของเขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งตั้งไว้สูงถึงร้อยละ 12 ในปีนี้ เท่ากับปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม กรณีของเซี่ยงไฮ้ก็พิสูจน์ได้เหมือนกันว่า ประกาศิตจีดีพี ได้คลายมนต์ขลังไปมากแล้ว
หง ห่าว ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย จากโบคอม อินเตอร์เนชั่นแนล ฮ่องกง กล่าวว่า เป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญทีเดียว ที่รัฐบาลผละจากดัชนีจีดีพีไปยังดัชนีอื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญมากกว่า เช่น ดัชนีเงินเฟ้อ และอัตราการว่างงาน แต่ก็ยังคิดว่ารัฐบาลคงใช้เป้าจีดีพีอยู่ เพียงแต่จะพิจารณาประกอบกับเงื่อนไขต่างๆ มากขึ้น และไม่ได้เอาจริงเอาจังคอขาดบาดตายกับดัชนีจีดีพีเช่นอดีตที่ผ่านมาตลอด 30-40 ปีอีก