เอเอฟพี/รอยเตอร์ส - แกนนำนักศึกษาคนดังพร้อมเพื่อนหญิงตบเท้าอดอาหาร เรียกร้องรัฐบาลทำตามเงื่อนไขที่ต้องการ ด้านธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่นซบเซาต่อเนื่อง พ่อค้าแม่ค้านั่งหงอยเหงารอเหตุการณ์สงบ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน (2 ธ.ค.) ว่า นายโจซัว หว่อง แกนนำกลุ่มนักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตยเต็มใบ วัย 18 ปี ประกาศ “อดอาหารอย่างไม่มีข้อกำหนด” ในวานนี้ หลังจากนายเหลียง เจิ้นอิง หัวหน้าคณะผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวว่าการประท้วงนั้นไร้ความหมาย
เด็กหนุ่มโจซัวกลายเป็นกระบอกเสียงสำคัญของ “การปฏิวัติร่ม” (umbrella movement) หรือการเคลื่อนไหวเพื่อระบบเลือกตั้งผู้ว่าฯ ฮ่องกงคนต่อไปในปี 2560 อย่างเสรีตามหลักสากล มิใช่การคัดกรองผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยคณะกรรมการที่จงรักภักดีต่อปักกิ่ง ซึ่งผู้ชุมนุมชี้ว่าเป็นประชาธิปไตยจอมปลอม
นอกจากนั้นยังมีสมาชิกกลุ่มสกอลาริซึม (Scholarism) อีกสองคน ได้แก่ นางสาวอิสเบลลา โล นักศึกษาวัย 18 ปี และนางสาวปรินซ์ หว่อง นักเรียนมัธยมปลายวัย 17 ปี ร่วมอดอาหารเพื่อกดดันรัฐบาลฮ่องกงปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วง
“การมีลมหายใจในห้วงยามแห่งความยากลำบากนี้ได้ปรากฏภาระหน้าที่ที่พึงกระทำ เรายินดีจะจ่ายคืนและเต็มใจจะรับผิดชอบ” กลุ่มนักศึกษาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กหลังจากประกาศอดอาหารบนเวทีของพื้นที่ชุมนุมหลัก
“อนาคตของเรา … เราจะเอามันกลับคืนมา”
ทั้งนี้ เหตุปะทะรุนแรงครั้งล่าสุดปะทุขึ้นในช่วงข้ามคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ระหว่างตำรวจปราบจลาจลกับกลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคน ที่พยายามยกระดับการชุมนุมด้วยการบุกยึดสำนักงานใหญ่ของรัฐบาล เพื่อปิดกั้นไม่ให้นายเหลียง เจิ้นอิง และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เข้ามาทำงานได้ตามปกติในวันจันทร์ ซึ่งตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและกระบองควบคุมสถานการณ์จนอีกฝ่ายยอมล่าถอยไป
ด้านผู้ว่าฯ เหลียงออกโรงเตือนว่า การประท้วงที่สุดจะทนได้นี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด พร้อมพูดเป็นนัยถึงปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อาจเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้
“ปัจจุบันความต้องการของสาธารณะชนที่อยากให้ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่เพิ่มมากขึ้น และจากนี้ไปตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายโดยปราศจากความลังเล”
ธุรกิจค้าปลีกฮ่องกงชะลอตัว ชีวิตพ่อค้าแม่ขายอยู่ในกำมือผู้ชุมนุม
สำนักงานสถิติฮ่องกง (Census and Statistics Department) เปิดเผย (1 ธ.ค.) ข้อมูลบ่งชี้ภาวะชะลอตัวของธุรกิจค้าปลีกประจำเดือนตุลาคม โดยเห็นชัดเจนในหมวดสินค้าฟุ่มเฟือย ที่ยอดจำหน่ายเครื่องเพชรพลอย นาฬิกาข้อมือ และของขวัญราคาแพง ลดลงกว่าร้อยละ 11.6 ส่วนสินค้าเสื้อผ้าก็หดตัวลงร้อยละ 8.8
ทว่าสินค้าอุปกรณ์ถ่ายภาพและเครื่องใช้ไฟฟ้ากลับโดดสูงขึ้นร้อยละ 23.6 อันเป็นผลจากอุปสงค์อันแข็งแกร่งของตลาดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งช่วยผดุงยอดค้าปลีกให้กระเถิบขึ้นร้อยละ 1.4 ในเดือนต.ค คิดเป็นเม็ดเงิน 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ยังน้อยกว่าร้อยละ 4.8 ของเดือนก.ย. ก่อนหน้า
“หลังจากตัดตัวกระตุ้นอย่างสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ดันยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างพุ่งพรวดแล้ว ธุรกิจค้าปลีกฮ่องกงก็ซบเซาลงจนสะท้อนภาวะตกต่ำในเดือนต.ค. เมื่อเทียบปีต่อปี” สำนักงานฯ ระบุ
“มองถึงอนาคตข้างหน้า ยอดค้าปลีกในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ จะขึ้นอยู่กับผลกระทบจากการประท้วง โดยเฉพาะทัศนะอารมณ์การบริโภคสินค้าของประชาชนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน”
ตัวเลขสถิติข้างต้นได้ฉายภาพวงกว้างของผลกระทบที่เกิดจากการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยบนเกาะฮ่องกงเป็นครั้งแรก หลังจากกลุ่มมวลชนปักหลักปิดถนนสายสำคัญในพื้นที่ศูนย์กลางการค้ามาตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. ขัดขวางการทำธุรกิจห้างร้านและทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงเรื่อยมา
ขณะเดียวกันเกือบตลอดปีที่ผ่านมาศูนย์กลางการเงินเอเชียแห่งนี้ ก็ปรากฏช่วงย่ำแย่อยู่หลายครั้งหลายครา อาทิ เดือนมิ.ย. ตกลงไปอยู่ที่ร้อยละ 6.9 โดยอ้างเหตุผลว่าด้วยมาตรการปราบทุจริตคอร์รัปชั่นของแผ่นดินใหญ่ ที่ฉุดรั้งยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือย หรือ “สัปดาห์ทอง” (Golden Week) ช่วงหยุดยาวเจ็ดวัน (1-7 ต.ค.) ที่ชาวจีนจับจ่ายใช้สอยกันอุตลุด บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในฮ่องกงก็บ่นอุบว่าการประท้วงเล่นงานพวกเขาจนน่วม
ด้านนายจอห์น ซัง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ฮ่องกง กล่าววานนี้ว่า พบความเสี่ยงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2557 อาจลดต่ำกว่าที่รัฐบาลทำการประเมินไว้ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.2
ทั้งนี้ ประชาชนมากกว่าหนึ่งแสนคนได้ออกมารวมตัวกันเต็มท้องถนนเมื่อสถานการณ์ประท้วงเดินหน้าถึงขีดสุด ทำให้ร้านค้าบางส่วนต้องปิดหนีความเสี่ยงชั่วคราว ไม่ว่าแบรนด์ดังจากเมืองนอกอย่างปราดา (Prada) หรือแบรนด์ท้องถิ่นอย่างทอดส์ (Tod’s) ต่างก็ชะงักงันไปหลายโมงยาม
“เราเลี่ยงไม่มาที่นี้เมื่อเกิดการประท้วง เพราะมันอันตรายและไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ชายแซ่แลม วัยปลดเกษียณ เอ่ยถึงพื้นที่ชุมนุมหลักใกล้กับอาคารสำนักงานรัฐบาลในเขตแอดมิรัลตี้