กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยบนเกาะฮ่องกงออกมารวมตัวกันในวานนี้ เพื่อร่วมกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมครบรอบหนึ่งเดือน ขณะที่แกนนำนักศึกษาเปรยความหวังเจรจาโดยตรงกับตัวแทนทางการจีนแผ่นดินใหญ่
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงาน (28 ต.ค.) ว่า ชาวฮ่องกงหลายพันคนเดินทางมารวมตัวกันบริเวณพื้นที่ชุมนุมหลัก ตรงข้ามอาคารที่ทำการรัฐบาลฮ่องกง กางร่มอันเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วงและยืนสงบนิ่งตั้งแต่เวลา 17.57 น. ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเวลา 87 วินาที ซึ่งเป็นจำนวนครั้งของการยิงแก๊สน้ำตาจากตำรวจปราบจลาจล เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา
ด้านนายอเล็กซ์ ชอว์ ประธานสหพันธ์นักศึกษาฮ่องกง (HKFS) ประกาศว่า กลุ่มแกนนำกำลังพิจารณาถึงการพบปะพูดคุยกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน หากรัฐบาลฮ่องกงล้มเหลวในการส่งสารข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงไปยังทางการแผ่นดินใหญ่ได้
“หากรัฐบาล (ฮ่องกง) ไม่สามารถทำตามความต้องการของผู้ชุมนุมได้ เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีการจัดการพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่กลุ่มนักศึกษาแบะท่าตั้งโต๊ะเจรจากับปักกิ่งโดยตรงอย่างเป็นทางการ สะท้อนภาพอดีตของเหตุนองเลือดจัตุรัสเทียนอันเหมิน 4 มิ.ย. 2532 ที่แกนนำนักศึกษาได้พบพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เผิง แต่ก็ลงเอยด้วยความเปล่าประโยชน์ หนำซ้ำผู้ชุมนุมยังถูกกำลังทหารปราบปรามอย่างเหี้ยมโหด ประชาชนและนักศึกษาเสียชีวิตกันหลายร้อย หรือบางส่วนประเมินว่าอาจถึงหลายพันคน
กลับมาที่การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยคราวนี้ ซึ่งกินเวลายาวนานร่วมเดือนและทำให้พื้นที่บางส่วนของศูนย์กลางทางการเงินแห่งสำคัญของเอเชียต้องหยุดชะงักเป็นอัมพาต มีเป้าหมายให้รัฐบาลจีนเพิกถอนการตัดสินใจเมื่อเดือน ส.ค. ที่ระบุว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้นำเกาะฮ่องกงปี 2560 ทุกคน ต้องได้รับการตรวจสอบคัดกรองจากคณะกรรมการชุดพิเศษก่อน อันเป็นจุดที่กลุ่มผู้ชุมนุมเย้ยหยันว่า “ประชาธิปไตยจอมปลอม”
ขณะที่ฉากระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมได้จุดกระแสโกรธเคืองและเห็นอกเห็นใจจากชาวฮ่องกง จนออกมาร่วมชุมนุมเต็มท้องถนนนับหมื่นคน และเสริมส่งการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยอย่างเกินความคาดหมาย ทั้งด้านปริมาณและห้วงเวลา ก่อเกิดการขนานนาม “ปฏิวัติร่ม” (Umbrella Movement) อันเป็นเกราะกำบังเพียงหนึ่งเดียวที่ผู้ชุมนุมใช้ป้องกันตัวจากสเปรย์พริกไทยและกระบองของเจ้าหน้าที่
ส่วนการเจรจาระหว่างรัฐบาลฮ่องกงกับแกนนำนักศึกษาในสัปดาห์ที่แล้ว ก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดความก้าวหน้าที่ดีเท่าไร โดยฝ่ายรัฐบาลเสนอการเขียนรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงปักกิ่ง และจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกับกลุ่มผู้ประท้วงเพื่อถกเถียงการปฏิรูปรัฐธรรมนูญฮ่องกง
ฟากผู้จัดการประท้วงก็คาดหวังอัดฉีดแรงกระตุ้นใหม่ๆ ให้กับการเคลื่อนไหวครั้งนี้หลังเจอทางตันนานับประการ และยังมึนงงว่าจะตัดสินเดินหน้าต่อไปอย่างไรดี โดยเฉพาะตระหนักดีว่าการปิดถนนหนทางสัญจรได้ก่อความยุ่งยากลำบากต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวฮ่องกง นำไปสู่ความไม่พอใจและกระแสสนับสนุนที่อาจลดลงเรื่อยๆ
เบนนี่ ไท่ อาจารย์มหาวิทยาลัยและหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มอ็อกคิวพาย เซ็นทรัล (Occupy Central) กล่าวว่า เขาวางแผนกลับไปใช้เวลากับงานสอนมากขึ้น แต่ยืนกรานว่าไม่ได้จะถอนตัวจากการประท้วง ด้านผู้ชุมนุมจำนวนมากที่ยังปักหลักบนท้องถนนกล่าวว่า “จะไม่สลายตัวจนกว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงจะบังเกิด”
“เรายอมแพ้ไม่ได้” เอนี่ โห โปรแกรมเมอร์ วัย 52 ปี กล่าว “ประชาธิปไตยไม่สามารถทึกทักเอาเองได้ เราจำเป็นต้องยืนหยัดเพื่อให้ได้มา”