ศตวรรษภาพยนตร์จีน(4)/ ในช่วงทศวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นจุดก่อร่างสร้างตัวของอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีน ในยุคนั้น อาชีพนักแสดงยังไม่ใคร่ได้รับการยอมรับนัก กระทั่งมีคำกล่าวว่า “คนมายาไร้ความจริงใจ คนค้าประเวณีไร้คุณธรรม(戏子无情,婊子无义)“ อันสะท้อนถึงความคิดของคนในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะความรู้สึกที่มีต่อนักแสดงหญิง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดียวกันนี้ วงการจอเงินจีนก็ได้ให้กำเนิดดาว 4 ดวงที่ส่องประกายประดับประวัติศาสตร์ภาพยนตร์จีนไว้ 4 ดวง อันได้แก่ ‘ นางเอกทั้ง 4’(四大名旦) คือ จางจือหยุน หวังฮั่นหลุน เซวียนจิ่งหลิน และหยังไหน่เหมย โดยได้ชื่อว่าเป็นดาราหญิง 4 คนแรกที่ได้รับความนิยมสูงสุด
ราชินีจอเงินคนแรกของจีน
จางจือหยุน (张织云) มีชื่อเดิมว่าจางอาซ่าน เริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในสังกัดบริษัท 大中华影片公司 และได้รับชื่อเสียงอย่างมากในการรับบทนำของเรื่องเหรินซิน 《人心》 กระทั่งในปี 1925 นิตยสารซินซื่อจี้ (新世界) ทำการคัดเลือก ‘ราชินีจอเงิน ‘ (电影皇后) เป็นครั้งแรกในแผ่นดินใหญ่ จางจือหยุนก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของเธอถูกจารึกในฐานะราชินีจอเงินคนแรกของวงการภาพยนตร์จีน
แต่แล้วม่านชีวิตอันแสนเศร้าของจางจือหยุนก็ค่อยๆ เปิดฉากขึ้น เมื่อเธอต้องตกหลุมพรางชื่อเสียง และเงินทองที่ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ถัดมาในยุคทศวรรษที่ 30 เธอยังเข้าไปพัวพันกับชีวิตคู่ของถังหลีซันและหร่วนหลิงอี้ว์ ซึ่งเป็นดาราดังในยุคนั้น จนเป็นที่กล่าวขวัญในด้านลบ
เรื่อยมาจนถึงปี 1935 หลังที่เธอแสดงนำในเรื่องเถาฮวาซ่าน 《桃花扇》แล้ว ก็ได้โยกย้ายไปฮ่องกง อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับชีวิตของเธอในช่วงดังกล่าว มีเพียงการบันทึกว่า ในบั้นปลายของชีวิตของเธอตกต่ำถึงขนาดต้องไปเป็นขอทานร้องขอเศษเงินจากผู้ใจบุญ และในปี 1970 ก็จบชีวิตบนถนนสายหนึ่งในเกาะฮ่องกง...
จุดเริ่มต้นดาราเจ้าน้ำตา
ด้านหวังฮั่นหลุน (王汉伦) ชื่อเดิมของเธอคือเผิงเจี้ยนชิง เป็นชาวมณฑลอันฮุย เมื่ออายุได้เพียง 16 ปี บิดาก็เสียชีวิตลง และต้องหยุดเรียนกลางคัน หลังจากนั้น ก็ได้พี่สะใภ้เป็นแม่สื่อให้ออกเรือนไปกับข้าราชการระดับกลางผู้หนึ่ง ผู้ให้สัญญาว่าจะส่งเสียให้เธอได้เรียนต่อ แต่หลังจากแต่งงานกลับขังเธอให้อยู่ในกรงทอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หวังฮั่นหลุนมาถึงจุดแตกหักกับสามีก็คือ การที่สามีไปมีสัมพันธ์กับโสเภณีชาวญี่ปุ่น
หลังชีวิตสมรสอับปางลง หวังฮั่นหลุนก็ลงใต้มาที่เซี่ยงไฮ้เพื่อเสี่ยงโชคพร้อมต้องดูแลตัวเอง โดยเริ่มต้นด้วยการเป็นครูสอนในโรงเรียนประถม และเป็นพนักงานพิมพ์ดีดของบริษัทฝรั่งแห่งหนึ่ง ซึ่งห่างไกลจากคำว่านักแสดงอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อฟ้าลิขิตให้เป็นดารา ก็ย่อมส่งโอกาสนั้นมาให้เธอจนได้
หวังฮั่นหลุนเช่าบ้านอยู่ติดกับครอบครัวซุน ซึ่งสนิทสนมกับเริ่นจินผิง นักแสดงของบริษัทหมิงซิงเตี้ยนอิ่ง (明星电影公司) และทำให้หวังฮั่นหลุนรู้จักกับเริ่นไปด้วย วันหนึ่งเริ่นเล่าให้ฟังว่าที่บริษัทกำลังจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องกูเอ๋อร์จิ้วจู่จี้ 《孤儿救祖记》 ซึ่งเล่าถึงความมานะบากบั่นของหญิงม่ายผู้หนึ่งที่ไม่ยอมแพ้ จนในที่สุดลูกชายที่ติดท้องมาก็ประสบความสำเร็จในชีวิต ขณะนั้น บริษัทกำลังมองหานักแสดงบุคลิกเป็นผู้หญิงที่มาจากตระกูลดี เพื่อรับบทเด่นของเรื่อง ทันใดนั้น เริ่นก็หันมาที่หวัง แล้วกล่าวว่าหวังมีบุคลิกอย่างที่ผู้กำกับต้องการ พร้อมกระตุ้นให้หวังไปทดสอบหน้ากล้อง
ด้านหวัง แม้แต่ภาพยนตร์ก็ยังไม่เคยดู ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแสดง แต่ด้วยการอ้อนวอนของเริ่นและซุน ก็เลยตามไปที่บริษัท ซึ่งผู้กำกับจางสือชวนเห็นหวังฮั่นหลุนมีความสง่างามในตัว ทั้งยังพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ก็ถูกใจและเห็นว่าตรงกับบทที่ยังขาดอยู่ จึงรับทันที
หวังฮั่นหลุนใช้ประสบการณ์ที่เลวร้ายของชีวิตคู่ ตลอดจนความกดดันต่างๆ ในชีวิต มาประยุกต์ต่อการเข้าถึงบทบาทหญิงที่มีแต่ความทุกข์ แต่ยังคงต้องยืนหยัดด้วยความทระนง ซึ่งผลลัพธ์ของมันคือการต้อนรับอย่างดีจากผู้ชม จนทำให้เธอกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งดาราเจ้าน้ำตาคนแรกของจีน
หลังจากนั้นในเรื่องถัดมา คืออี้ว์หลีหุน 《玉梨魂》 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักที่เป็นไปไม่ได้ระหว่างแม่ม่ายกับครูของลูกชาย ซึ่งหวังฮั่นหลุนรับบทเป็นแม่ม่ายคนนั้น และได้รับการตอบรับมากที่สุดครั้งหนึ่งของภาพยนตร์จีน จนมาถึงปี 1924 หวังฮั่นหลุนก้าวเท้าเข้าสู่บริษัทฉางเฉิงเตี้ยนอิง และเป็นดารานำของที่นี่ โดยมีผลงาน เช่น ชี่ฟู่ 《弃妇》、ไจ่ซิงจือหนี่ว์ 《摘星之女》 และชุนกุยเมิ่งหลี่เหริน 《春闺梦里人》 นอกจากนั้น ต่อมาเธอยังตั้งบริษัทและสร้างภาพยนตร์เอง เรื่องหมางมู่เตออ้ายฉิง 《盲目的爱情》 หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ถอยตัวออกจากวงการภาพยนตร์ ไปทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามในเซี่ยงไฮ้
จากนางโลมสู่ดาวจรัสวงการภาพยนตร์
ดาวอีกดวงในวงการภาพยนตร์จีนยุคแรก คือ เซวียนจิ่งหลิน (宣景琳) สาวเซี่ยงไฮ้จากครอบครัวส่งหนังสือพิมพ์ เมื่ออายุได้เพียง 4 ขวบบิดาก็เสียชีวิตลง ครอบครัวจึงตกที่นั่งลำบาก จนอายุได้ 9 ขวบ ก็ได้เข้าร่วมคณะงิ้วแห่งหนึ่ง แต่เมื่อชะตาชีวิตลำเค็ญถึงที่สุด เธอก็ต้องขายตัวเข้าสู่สำนักนางโลม และตกนรกมาตั้งแต่บัดนั้น
อย่างไรก็ตาม ก็มีโอกาสที่ไม่น่าเชื่อมาเปลี่ยนชีวิตเธอ ในปี 1925 ที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์เริ่มตื่นตัวและต้องการนักแสดงมากขึ้น จึงมีคนชักชวนเธอไปแสดง ภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอคือจุ้ยโฮ่วจือเหลียงซิน 《最后之良心》โดยยังไม่ได้รับบทเด่นนัก แต่ก็ได้รับคำวิจารณ์ในทางที่ดี จนบริษัทหมิงซิงเตี้ยนอิ่งต่อสัญญากับเธอไปอีก 3 ปี และต้องการให้เธอออกจากสำนักนางโลมไปเป็นนักแสดงเต็มตัว
ในเบื้องต้น เซวียนไม่ได้คิดว่าจะเข้าสู่เส้นทางนี้เพื่อชื่อเสียง แต่เพื่อเก็บเงินและถอนตัวออกจากสถานที่อโคจรแห่งนี้ แต่แล้วความคิดของเธอก็ถูกสำนักนางโลมจับได้ เงินที่ได้มาทั้งหมดก็ถูกริบไป เมื่อเจิ้งเจิ้งชิว ผู้บริหารในหมิงซิงเตี้ยนอิ่งรู้เข้า ก็ยื่นมือมาช่วยเหลือโดยซื้อตัวเธอออกไป ทั้งยังประพันธ์บทภาพยนตร์เรื่องซ่างไห่อีฟู่เหริน 《上海一妇人》 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตของหญิงขายบริการในเมืองเซี่ยงไฮ้ และให้เซวียนเล่นบทนำ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากผู้ชมและพลิกชะตาชีวิตเซวียนให้กลายเป็นดาวอีกดวงในวงการบันเทิงจีน
ผลงานของเซวียนมีออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องที่ถือว่าสร้างชื่อให้เธอที่สุด ก็คือจื่อเม่ยฮวา 《姊妹花》 โดยรับบทเป็นแม่ที่มีความทุกข์ระทม และเป็นตัวเอกสำคัญของเรื่อง แต่แล้วหลังปี 1936 เป็นต้นมา เธอก็พักการแสดงลง แต่ก็ไม่หยุดติดตามพัฒนาการของวงการนี้ จนเมื่อสถาปนาจีนยุคใหม่ขึ้นมาแล้ว ก็ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ดังแห่งยุคบ้าง เช่น เจียถิงเวิ่นถี 《家庭问题》 เจีย 《家》ตี้เซี่ยหังเสี้ยน 《地下航线》
ทั้งนี้ เซวียนก็เหมือนนักแสดงหญิงทั่วไปในยุคนั้น ที่ประสบความสำเร็จในงานแต่ไม่ประสบความสำเร็จในความรัก เนื่องจากในยุคนั้นอาชีพดังกล่าวยังไม่ค่อยได้รับการยอมรับเท่าไรนัก ประกอบกับชาติตระกูลที่ต่ำต้อยของเธอ และข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิง ทำให้แม้เธอได้แต่งงานไปกับคนที่รัก แต่ก็ต้องเลิกรากันไป
เส้นทางชีวิตขอลิขิตเอง
สำหรับหยังไหน่เหมย (杨耐梅) ชื่อเดิมว่าหยังลี่จู พื้นเพของเธอคือลูกสาวพ่อค้าใหญ่ในเมืองฝอซัน มณฑลกว่างตง และได้รับการศึกษาดีมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งการหันมาสู่เส้นทางบันเทิงของเธอ สร้างความไม่พอใจให้กับครอบครัวเป็นอันมาก เนื่องจากบิดาวางแผนไว้ว่าจะให้เธอไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ แต่เธอกลับเบนเข็มมายังวงการภาพยนตร์เสียก่อน นอกจากนั้น ในสมัยนั้น แม้ว่านักแสดงจะได้รับความนิยมสักเพียงใด แต่ด้วยความคิดความเชื่อแบบเก่าที่เห็นว่าอาชีพนี้ไม่มีเกียรติ ทำให้พ่อต้องเตือนเธอให้เลิกจากอาชีพนี้ แต่หยังไหน่เหมยก็ไม่ฟัง จนในที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกก็เริ่มมีรอยร้าว
หยังไหน่เหมยแจ้งเกิดขึ้นมาได้ด้วยภาพยนตร์เรื่อง อี้ว์หลีหุน《玉梨魂》 คู่กับหวังฮั่นหลุนที่ขณะนั้นมีชื่อเสียงแล้ว ด้วยหน้าตาที่สวยงามและฝีมือการแสดง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงสร้างชื่อให้เธอไม่น้อย จนบริษัทต้องสร้างหนังที่มีเธอเป็นตัวเอก คือเรื่องโย่วฮุน 《诱婚》และห่าวเกอเกอ《好哥哥》 และกลายเป็นดาราดังแห่งยุค ทั้งผลงานและเรื่องส่วนตัว แต่ที่ทำให้เธอดังเป็นพลุแตกก็คือเรื่องเหลียงซินเตอฟู่ฮั่ว 《良心的复活》เมื่อเธอขึ้นมาขับร้องเพลงแห่งแม่นมที่ชื่อ หรู่เหนียงฉี่ว์《乳娘曲》 ซึ่งเป็นเพลงเอกของเรื่องระหว่างฉายหนัง และทำให้ภาพนางเอกของเธอตราตรึงอยู่ในใจผู้ชมเรื่อยมา
น่าเสียดายที่ชื่อเสียงและเงินทองไหลเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว และทำให้เธอหลงระเริง เริ่มไม่รับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ จนชื่อเสียงเริ่มตกลงไป แต่แล้ว โชคชะตาก็ยังปราณี เมื่อนายพลจางจงชัง ผู้มีอิทธิพลแห่งมณฑลซันตง ยื่นข้อเสนอว่า หากเธอไปเยือนถึงถิ่น ก็จะมอบเงินเพื่อก่อตั้งโรงถ่ายภาพยนตร์ให้กับหยังไหน่เหมย ซึ่งหยังไหน่เหมยก็ย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป ขนเงินกลับมาสานฝันและสร้างภาพยนตร์เรื่องฉีหนี่ว์จือ 《奇女子》ในปี 1928 อันเป็นเรื่องจริงที่เกี่ยวกับหญิงแกร่งล้ำยุคผู้หนึ่งที่ไม่ยอมอยู่ในระบบศักดินา ซึ่งก็ทำเงินถล่มทลาย
แต่แล้วชีวิตที่กำลังรุ่งของหยังไหน่เหมยก็ดิ่งลง เมื่อเธอถลำตัวไปกับฝิ่น มีผู้วิเคราะห์ว่า สาเหตุของการติดฝิ่นของเธอ ส่วนหนึ่งมาจากการหนีความว่างเปล่าของตัวเองที่มาถึงจุดสูงสุดของชีวิตเร็วเกินไป นอกจากนั้น เธอยังกลายเป็นนักพนันตัวยง ซึ่งครั้งหนึ่งหลังจากพนันเพียงชั่วข้ามคืนเธอก็ได้มาถึง 80,000 หยวน ได้จุดชนวนให้เธอปรากฏตัวที่บ่อนบ่อยขึ้น กระทั่งในที่สุดก็ไม่เหลือแม้แต่บริษัทที่ตั้งมากับมือ
หลังจากขายบริษัทและทรัพย์สินต่างๆ แล้ว หยังไหน่เหมยก็ต้องหันกลับมารับงานแสดงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ช่วงเวลาทองของเธอได้ผ่านเลยไปแล้ว บทที่ได้รับจึงไม่สำคัญนัก ทั้งยังได้ค่าตอบแทนต่ำกว่าเดิมมาก ประกอบกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์เปลี่ยนจากยุคหนังเงียบมาเป็นมีเสียง และตัวหยังไหน่เหมยโดยพื้นเพเป็นชาวกว่างตงที่พูดภาษาจีนกลางด้วยสำเนียงที่ไม่ไพเราะนัก จึงเป็นเหตุให้หมดยุคของเธออย่างแท้จริง
ยังโชคดีที่ข้างกายหยังไหน่เหมยมีผู้ชายที่รักเธอ เฉินจวินจิ่ง บุตรชายของเฉินเก้อไป๋ผู้ติดตามดร.ซุนยัดเซ็น คือผู้ชายคนนั้น แต่ด้วยความที่บ้านของฝ่ายชายซึ่งค่อนข้างมีหน้ามีตาในสังคม ไม่ยอมรับเธอนัก งานแต่งงานจึงออกมาในรูปแบบเรียบง่าย หลังจากนั้น ยังต้องแยกครอบครัวไปอยู่ที่ฮ่องกงด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากแต่งงานได้ระยะหนึ่ง เธอกับสามีก็ต้องแยกทางกันเดิน และนี่เองเข้าสู่วิกฤตของชีวิตเธออย่างแท้จริง เมื่ออดีตนางเอกดังแห่งยุคไม่มีสมบัติติดตัว และไม่มีญาติเพื่อนฝูงในฮ่องกงให้พึ่งพาได้ จนต้องกลายเป็นขอทานอยู่ริมถนน ... แต่วันหนึ่งแฟนภาพยนตร์มาพบเธอ และจำได้ว่านี่คือนักแสดงเจ้าบทบาท ข่าวคราวของเธอจึงเริ่มตีแผ่ไปยังที่ต่างๆ และในที่สุด เมื่อญาติที่ไต้หวันทราบเรื่องราว จึงรับเธอไปอยู่ด้วยกัน จนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี 1960 หยังไหน่เหมยก็จบชีวิตที่ราวกับละครของเธอที่เกาะไต้หวัน .
เรียบเรียงจาก www.dzwww.com, www.novelscape.com, www.sohu.com
** สารคดีชุด ‘ศตวรรษภาพยนตร์จีน’ นำเสนอทุกเช้าวันอาทิตย์ โปรดติดตามตอนหน้า 'หนังบู๊กำลังภายใน : ลมหายใจในความทรงจำ'