เอเจนซี- องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมชี้ คุณภาพอากาศในฮ่องกงเสื่อมที่สุดในรอบสิบปี แนะ รัฐบาลควรร่วมมือแผ่นดินใหญ่ลดการปล่อยพลังงาน
กลุ่ม Clean Air Network เอ็นจีโอที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมในฮ่องกงเผย ปีนี้ (2557) ค่ามลพิษโอโซนในฮ่องกงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบสิบปีที่ผ่านมา แม้ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และฝุ่นละอองอื่นจะเริ่มลดลงแล้วในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้
ทั้งนี้ กลุ่มคลีน แอร์ เนทเวิร์คเปิดเผยว่า ระดับมลพิษโอโซนของฮ่องกง วัดจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศทั้ง 15 แห่งทั่วเกาะ มีระดับอยู่ที่ 43 ไมโครกรัมต่อคิวบิกเมตร สูงกว่าที่องค์กรอนามัยโลก(WHO) แนะนำไว้ถึง 2 เท่า (WHO แนะนำไว้ที่ 23.5 ไมโครกรัมต่อคิวบิกเมตร)
อย่างไรก็ตาม ระดับมลพิษโอโซนปีนี้ แตกต่างจากปีที่แล้วและปี 2547 ซึ่งเป็นปีที่มีมลพิษโอโซนสูงสุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ (43.33 ไมโครกรัมต่อคิวบิกเมตร) เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สะท้อนให้เห็นคุณภาพอากาศของฮ่องกงที่กำลังเลวร้ายลงอย่างชัดเจน
มลพิษโอโซนเป็นมลพิษลำดับที่สองที่ชี้ให้เห็นว่าคุณภาพของอากาศกำลังเลวร้ายลง นางควอง ซัม-ยิน หัวหน้าฝ่ายบริหาร Clean Air Network ระบุ
“เราหวังให้รัฐบาลเสริมสร้างความร่วมมือกับแผ่นดินใหญ่และศึกษาหาแหล่งต่างๆ ที่ปล่อยมลพิษโอโซนออกมา เพื่อหยุดยั้งพวกเขา” นาง ควอง ซัม-ยิน กล่าว
นอกจากนี้ นางควอง ยังแนะนำให้เร่งออกกฎหมายบังคับให้เรือที่เทียบท่าฮ่องกงหันไปใช้เชื้อเพลิงที่สะอาดขึ้น รวมทั้งเรียกร้องให้เกิดความร่วมมือกับก่วงตงเพื่อสร้างพื้นที่ควบคุมการปล่อยพลังงาน
ด้านโฆษกจากสำนักการปกป้องสิ่งแวดล้อมฮ่องกง ระบุ “เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ รวมทั้งปัญหามลพิษโอโซน เราจึงลงนามในข้อตกลงกับก่วงตงเพื่อบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยพลังงานภายในปี 2558 และ 2563
อนึ่ง มลพิษโอโซน เป็นโอโซนที่สูงกว่าผิวดินต่ำกว่า 20 กิโลเมตร เรียกว่าโอโซนระดับผิวดิน มีผลต่อสุขภาพ สามารถทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ และหากมีการสูดรับเอาก๊าซโอโซนเข้าสู่ร่างกายโดยตรง จะเกิดอันตราย มีผลให้เกิดอาการหอบหืดซึ่งอาจเรื้อรังและมีผลต่อสุขภาวะของประชาชน สาเหตุหลักของมลพิษโอโซนมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงชนิดต่าง ๆ ในอุณหภูมิสูง เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงเครื่องยนต์ของรถยนต์ โรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมต่าง ๆ การเผาไหม้เชื้อเพลิงในครัวเรือน โดยสัดส่วนการเกิดจากรถยนต์มีสูงถึงร้อยละ 55 ของการเกิดทั้งหมด
กลุ่ม Clean Air Network เอ็นจีโอที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมในฮ่องกงเผย ปีนี้ (2557) ค่ามลพิษโอโซนในฮ่องกงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบสิบปีที่ผ่านมา แม้ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และฝุ่นละอองอื่นจะเริ่มลดลงแล้วในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้
ทั้งนี้ กลุ่มคลีน แอร์ เนทเวิร์คเปิดเผยว่า ระดับมลพิษโอโซนของฮ่องกง วัดจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศทั้ง 15 แห่งทั่วเกาะ มีระดับอยู่ที่ 43 ไมโครกรัมต่อคิวบิกเมตร สูงกว่าที่องค์กรอนามัยโลก(WHO) แนะนำไว้ถึง 2 เท่า (WHO แนะนำไว้ที่ 23.5 ไมโครกรัมต่อคิวบิกเมตร)
อย่างไรก็ตาม ระดับมลพิษโอโซนปีนี้ แตกต่างจากปีที่แล้วและปี 2547 ซึ่งเป็นปีที่มีมลพิษโอโซนสูงสุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ (43.33 ไมโครกรัมต่อคิวบิกเมตร) เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สะท้อนให้เห็นคุณภาพอากาศของฮ่องกงที่กำลังเลวร้ายลงอย่างชัดเจน
มลพิษโอโซนเป็นมลพิษลำดับที่สองที่ชี้ให้เห็นว่าคุณภาพของอากาศกำลังเลวร้ายลง นางควอง ซัม-ยิน หัวหน้าฝ่ายบริหาร Clean Air Network ระบุ
“เราหวังให้รัฐบาลเสริมสร้างความร่วมมือกับแผ่นดินใหญ่และศึกษาหาแหล่งต่างๆ ที่ปล่อยมลพิษโอโซนออกมา เพื่อหยุดยั้งพวกเขา” นาง ควอง ซัม-ยิน กล่าว
นอกจากนี้ นางควอง ยังแนะนำให้เร่งออกกฎหมายบังคับให้เรือที่เทียบท่าฮ่องกงหันไปใช้เชื้อเพลิงที่สะอาดขึ้น รวมทั้งเรียกร้องให้เกิดความร่วมมือกับก่วงตงเพื่อสร้างพื้นที่ควบคุมการปล่อยพลังงาน
ด้านโฆษกจากสำนักการปกป้องสิ่งแวดล้อมฮ่องกง ระบุ “เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ รวมทั้งปัญหามลพิษโอโซน เราจึงลงนามในข้อตกลงกับก่วงตงเพื่อบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยพลังงานภายในปี 2558 และ 2563
อนึ่ง มลพิษโอโซน เป็นโอโซนที่สูงกว่าผิวดินต่ำกว่า 20 กิโลเมตร เรียกว่าโอโซนระดับผิวดิน มีผลต่อสุขภาพ สามารถทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ และหากมีการสูดรับเอาก๊าซโอโซนเข้าสู่ร่างกายโดยตรง จะเกิดอันตราย มีผลให้เกิดอาการหอบหืดซึ่งอาจเรื้อรังและมีผลต่อสุขภาวะของประชาชน สาเหตุหลักของมลพิษโอโซนมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงชนิดต่าง ๆ ในอุณหภูมิสูง เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงเครื่องยนต์ของรถยนต์ โรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมต่าง ๆ การเผาไหม้เชื้อเพลิงในครัวเรือน โดยสัดส่วนการเกิดจากรถยนต์มีสูงถึงร้อยละ 55 ของการเกิดทั้งหมด