เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลจีนกล่าวหาแบงก์ออฟไชน่า (บีโอซี ) และไชน่าซิตี้แบงก์ ละเมิดกฎข้อบังคับในการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ โดยช่วยประชาชนขนเงินออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในวงการธุรกิจธนาคารระบุว่า เกิดจากปัญหาความไม่ชัดเจนของระเบียบการทำธุรกรรมและขั้นตอนการตรวจสอบมากกว่าจะเป็นการทำผิดกฎหมาย
สถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน หรือ ซีซีทีวี ได้รายงานการกระทำของธนาคาร 2 รายในช่วงเวลาห่างกันเพียง 1 วันเมี่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยไชน่าซิตี้แบงก์ ซึ่งอยู่ในความควบคุมของซิตี้กรุ๊ป และภายใต้การกำกับดูแลของสภารัฐมนตรีจีน ยังให้บริการโอนเงินไปต่างแดน ซึ่งรวมทั้งไปยังฮ่องกงอีกด้วย
ในรายงานข่าวของซีซีทีวี เมื่อวันพุธ ( 9 ก.ค.) ได้เผยแพร่ภาพ ขณะพนักงานของบีโอซีประจำสาขามณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) กำลังแนะนำนักข่าว ซึ่งปลอมตัวเป็นลูกค้า เกี่ยวกับช่องทางการเคลื่อนย้ายเงินไปต่างประเทศ
ทั้งนี้ ตามกฎหมายของจีนกำหนดให้พลเมืองสามารถนำเงินออกนอกประเทศได้เท่ากับจำนวน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
ซีซีทีวีกล่าวหาบีโอซีว่า “ให้บริการฟอกเงินอย่างโจ๋งครึ่ม” และปลอมแปลงข้อมูลผ่านระบบให้บริการโอนเงินหยูฮุ่ยตง ( Youhuitong )
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในวงการธุรกิจธนาคารโต้แย้งว่า ธนาคารทั้งสองรายสามารถทำธุรกรรมนี้ได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางของจีนสาขาเมืองก่วงโจวแล้วเท่านั้น และธนาคารกลางต้องทราบดีเกี่ยวกับการทำธุรกรรมประเภทนี้ ดังนั้น หากเกิดปัญหาขึ้น จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาว่า การทำธุรกรรมนี้เป็นสิ่งที่ผิด หรือถูกกฎหมาย แต่ประเด็นน่าจะเป็นว่า ธุรกรรมนี้มีการทำกันอย่างไรมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการควบคุมความเสี่ยงภายใน และการตรวจสอบประวัติลูกค้าของธนาคาร
ด้านโฆษกของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของฮ่องกง (Hongkong Monetary Authotity) ระบุว่า หน่วยงานของรัฐและธนาคารบนแผ่นดินใหญ่ควรรับผิดชอบในการตรวจสอบการทำธุรกรรมเหล่านี้ภายใต้กฎระเบียบ ที่กำหนด
ขณะที่บีโอซีชี้แจงว่า ระบบให้บริการโอนเงินหยูฮุ่ยตงอยู่ในโครงการนำร่อง ซึ่งเริ่มดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายในปี 2554 โดยซีซีทีวีเสนอข่าวบิดเบือนความจริงและด้วยอคติกับโครงการนี้
แหล่งข่าวระบุว่า บีโอซี และซิตี้แบงก์ได้รับเลือกจากธนาคารกลางจีนประจำก่วงโจวในปลายปี 2554 และปลายปี 2555 ตามลำดับ เพื่อร่วมโครงการนำร่องนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่จีนมีมากถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากที่สุดในโลก
นักวิเคราะห์หลายคนสงสัยว่า โครงการซึ่งอนุญาตให้มีการแลกเปลี่ยนเงินตราอย่างเสรีอย่างโครงการดังกล่าวควรมีอยู่หรือไม่ ในภาวะที่รัฐบาลจีนกำลังวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการไหลเข้า-ออกของเม็ดเงินเก็งกำไร