เอเจนซี/ASTVผู้จัดการ – ธนาคารโลกเผย “มาเก๊า” แหล่งบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก กลายเป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้มากเป็นอันดับ 4 ของโลก แซงสวิตเซอร์แลนด์จากอานิสงส์ของธุรกิจการพนัน
ธนาคารโลกออกมาเปิดเผยตัวเลข ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวประชากร (GDP per head) ว่า เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ มาเก๊า ในการปกครองของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์บนจีนแผ่นดินใหญ่จีดีพีต่อหัวเพิ่มขึ้นจาก 78,929 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคนต่อปี ในปี 2555 เป็น 80,528 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคนต่อปีในปีที่แล้ว (2556) โดยตัวเลขดังกล่าวทำให้ มาเก๊าแซงหน้าประเทศสวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก
จากสถิติล่าสุดของธนาคารโลกระบุว่า ในปี 2556 ประเทศ/เขต 10 อันดับแรกที่ประชากรมีรายได้ต่อหัวมากที่สุดได้แก่ ลักเซมเบิร์ก, นอร์เวย์, กาตาร์, มาเก๊า, สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรเลีย, เดนมาร์ก, สวีเดน, สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา
แม้ว่าข้อมูลข้างต้นดูเหมือนจะเป็นข่าวดีสำหรับชาวมาเก๊า แต่ในข่าวดีก็แฝงไว้ด้วยข่าวร้าย นั่นคือ อุตสาหกรรมคาสิโนในมาเก๊าประสบกับภาวะรายได้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี เนื่องจากในช่วงฟุตบอลโลก 2014 ปีนี้ที่บราซิล นักพนันหันไปเล่นพนันในการแข่งขันฟุตบอลโลกแทน โดย ฟรานซิส แตม รัฐมนตรีเศรษฐกิจและการคลังของมาเก๊า ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวในวันอังคาร (1 ก.ค.) ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายที่กำลังแข่งขันกันอยู่ในเวลานี้ที่ประเทศบราซิล ส่งผลกระทบอย่างเลวร้ายต่อรายได้และระบบเศรษฐกิจโดยรวมของมาเก๊า โดยรายได้รวมของกาสิโนทั้ง 35 แห่งของมาเก๊าได้หายไปแล้วถึง 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 110,000 ล้านบาท) ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ปัจจุบันมาเก๊าซึ่งมีประชากรไม่ถึงหกแสนคน ถือเป็นดินแดนด้านการพนันอันดับหนึ่งของโลก ด้วยรายรับจากการพนันในปีที่แล้วสูงถึง 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.455 ล้านล้านบาท) หรือมากกว่าเมืองลาสเวกัส ของสหรัฐอเมริกาเกือบ 7 เท่า
ทั้งนี้นอกจากปัญหาการลดลงของนักพนันแล้ว เมื่อเดือนที่ผ่านมามาเก๊ายังประสบปัญหาการกวาดล้างกลุ่มอาชญากรรมครั้งใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทลายแก๊งพนันฟุตบอลผิดกฎหมายที่มีเงินหมุนเวียนจากการพนันฟุตบอลโลกสูงถึง 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เกือบ 20,000 ล้านบาทอีกด้วย