เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- หน่วยข่าวกรองไต้หวัน ออกคำเตือน ระวังผู้หญิงแผ่นดินใหญ่ พกระเบิด บินจากจีนเข้าฮ่องกง ภายในวันนี้ หรือพรุ่งนี้
ตำรวจสนามบินไต้หวันออกประกาศเตือน หลังได้รับข่าวกรองจาก สำนักความมั่นคงแห่งชาติไต้หวัน ระบุ อาจมีผู้หญิงผมยาว ใช้บริการสายการบิน ดรากอนแอร์ หรือ คาร์เธย์แปซิฟิก บินจากจีน มุ่งหน้าสู่ฮ่องกงภายในวันนี้ หรือ พรุ่งนี้ พร้อมระเบิด
ทั้งนี้ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากหน่วยข่าวกรองไต้หวัน แต่อย่างใด และจนกระทั่งตอนนี้ ตำรวจไต้หวันยังไม่พบสิ่งต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจสนามบินระบุ
เจฟ ซุน เจียเฟิง รองประธานสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ ยืนยันว่า ทางสายการบินตอบสนองคำเตือนภัยคุกคามดังกล่าวแล้ว ด้วยการส่งคำเตือนภัยไปยังเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน ลูกเรือ และนักบินทุกคนแล้ว
โดยข้อความระบุว่า “มีข้อมูลรายงานว่า อาจมีภัยคุกคามความปลอดภัยเกิดขึ้นกับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่/ออกจาก จีน และฮ่องกง ในช่วง 2 วันที่จะถึงนี้”
อย่างไรก็ตาม นายซุนระบุว่า นี่เป็นการเตือนภัย “ระดับต่ำ”
ในขณะที่ทางผู้สื่อข่าวฮ่่องกง เซาท์ ไชน่าฯ ได้ติดต่อไปยังกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ และ องค์กรการบินพลเรือนในปักกิ่งหลายครั้ง แต่ยังไม่มีสามารถติดต่อได้ ส่วนฝ่ายการบินพลเรือนในฮ่องกง ก็ระบุว่าไม่มีความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว
ด้านสายการบินคาเธ่ยฯ และ ดรากอนแอร์ ระบุ พวกเขาได้รับแจ้งเตือนเรื่องภัยคุกคามแล้ว และหน่วยแนวหน้ายังคงรักษาระดับเฝ้าระวังภัยดังเช่นปกติต่อไป รวมทั้งพวกเขาจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
นักบินพาณิชย์ระบุว่า ทางสายการบินจะได้รับแจ้งการเตือนภัยในลักษณะนี้เป็นบางครั้ง อาทิ เมื่อ 4 ปีก่อน (2553) ในช่วงฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นในแอฟริกาใต้ แต่ครั้งนี้ถือเป็นกรณี “หายากมาก” เพราะระบุวันอย่างชัดเจน
กรมการบินตำรวจไต้หวันระบุ “เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร้องขอให้เราเพิ่มมาตรการพิเศษในการตรวจตราสัมภาระของผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกทุกคน รวมทั้งสัมภาระที่ถือขึ้นเครื่องบิน แม้ว่าข่าวกรองดังกล่าวจะไม่เกี่ยวกับไต้หวันก็ตาม
แหล่งข่าวตำรวจฮ่องกงระบุ พวกเขาใส่ใจกับรายงานดังกล่าวเช่นกัน และเจ้าหน้าที่จะ “เฝ้าสังเกตการณ์ กิจกรรมที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายในแผ่นดินใหญ่และในทั่วโลก อย่างใกล้ชิด” ทั้งนี้พวกเขามีการแลกเปลี่ยนข่าวกรองเกี่ยวกับการก่อการร้ายกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นทุกวันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม โฆษกตำรวจออกมาระบุว่า พวกเขายังไม่มีข่าวที่เชื่อถือได้เรื่องเมืองที่ตกเป็นเป้าหมาย และการเตือนภัย “ระดับกลาง” ยังคงดำเนินต่อไป
ตำรวจสนามบินไต้หวันออกประกาศเตือน หลังได้รับข่าวกรองจาก สำนักความมั่นคงแห่งชาติไต้หวัน ระบุ อาจมีผู้หญิงผมยาว ใช้บริการสายการบิน ดรากอนแอร์ หรือ คาร์เธย์แปซิฟิก บินจากจีน มุ่งหน้าสู่ฮ่องกงภายในวันนี้ หรือ พรุ่งนี้ พร้อมระเบิด
ทั้งนี้ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากหน่วยข่าวกรองไต้หวัน แต่อย่างใด และจนกระทั่งตอนนี้ ตำรวจไต้หวันยังไม่พบสิ่งต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจสนามบินระบุ
เจฟ ซุน เจียเฟิง รองประธานสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ ยืนยันว่า ทางสายการบินตอบสนองคำเตือนภัยคุกคามดังกล่าวแล้ว ด้วยการส่งคำเตือนภัยไปยังเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน ลูกเรือ และนักบินทุกคนแล้ว
โดยข้อความระบุว่า “มีข้อมูลรายงานว่า อาจมีภัยคุกคามความปลอดภัยเกิดขึ้นกับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่/ออกจาก จีน และฮ่องกง ในช่วง 2 วันที่จะถึงนี้”
อย่างไรก็ตาม นายซุนระบุว่า นี่เป็นการเตือนภัย “ระดับต่ำ”
ในขณะที่ทางผู้สื่อข่าวฮ่่องกง เซาท์ ไชน่าฯ ได้ติดต่อไปยังกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ และ องค์กรการบินพลเรือนในปักกิ่งหลายครั้ง แต่ยังไม่มีสามารถติดต่อได้ ส่วนฝ่ายการบินพลเรือนในฮ่องกง ก็ระบุว่าไม่มีความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว
ด้านสายการบินคาเธ่ยฯ และ ดรากอนแอร์ ระบุ พวกเขาได้รับแจ้งเตือนเรื่องภัยคุกคามแล้ว และหน่วยแนวหน้ายังคงรักษาระดับเฝ้าระวังภัยดังเช่นปกติต่อไป รวมทั้งพวกเขาจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
นักบินพาณิชย์ระบุว่า ทางสายการบินจะได้รับแจ้งการเตือนภัยในลักษณะนี้เป็นบางครั้ง อาทิ เมื่อ 4 ปีก่อน (2553) ในช่วงฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นในแอฟริกาใต้ แต่ครั้งนี้ถือเป็นกรณี “หายากมาก” เพราะระบุวันอย่างชัดเจน
กรมการบินตำรวจไต้หวันระบุ “เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร้องขอให้เราเพิ่มมาตรการพิเศษในการตรวจตราสัมภาระของผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกทุกคน รวมทั้งสัมภาระที่ถือขึ้นเครื่องบิน แม้ว่าข่าวกรองดังกล่าวจะไม่เกี่ยวกับไต้หวันก็ตาม
แหล่งข่าวตำรวจฮ่องกงระบุ พวกเขาใส่ใจกับรายงานดังกล่าวเช่นกัน และเจ้าหน้าที่จะ “เฝ้าสังเกตการณ์ กิจกรรมที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายในแผ่นดินใหญ่และในทั่วโลก อย่างใกล้ชิด” ทั้งนี้พวกเขามีการแลกเปลี่ยนข่าวกรองเกี่ยวกับการก่อการร้ายกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นทุกวันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม โฆษกตำรวจออกมาระบุว่า พวกเขายังไม่มีข่าวที่เชื่อถือได้เรื่องเมืองที่ตกเป็นเป้าหมาย และการเตือนภัย “ระดับกลาง” ยังคงดำเนินต่อไป