เอเอฟพี/เอพี/ เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สืบเนื่องจากเหตุหญิงจีนถูกรุมทำร้ายในร้านอาหารจนเสียชีวิต ล่าสุด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุไว้ได้ทั้งหมด พบเป็นพวกลัทธิปีศาจที่ลักลอบทำกิจกรรมในพื้นที่ ขยับขยายกลุ่มด้วยการไล่ขอเบอร์มือถือประชาชนเพื่อชักชวนเป็นสมาชิก
สำนักข่าวซินหวาของทางการจีน รายงานวานนี้ (31 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 6 ราย จากกรณีหญิงสาวถูกทำร้ายภายในร้านแม็คโดนัลด์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลท้องถิ่นเมืองเจ้าหยวน มณฑลซานตง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนวันพุธ (28 พ.ค.) ที่ผ่านมา
จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า คนร้ายประกอบด้วยชาย 1 ราย หญิง 2 ราย วัยรุ่นหญิง 2 ราย และเด็กชาย โดยมีสี่รายเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน นอกจากนั้นทั้งหมดยังเป็นสมาชิกของ “ฉวนเหนิงเสิน” (全能神) กลุ่มลัทธิซาตานที่เชื่อถือเรื่องวันสิ้นโลกอีกด้วย
เซาท์เทิร์น เมโทรโปลิศ เดลี่ สื่อท้องถิ่นระบุว่า กลุ่มฉวนเหนิงเสิน หรือเทพแห่งพลังทั้งปวง ก่อตั้งขึ้นในมณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อช่วงต้นศตวรรษ 1990 และแพร่กระจายไปในหลายมณฑลทางชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ก่อนรัฐบาลจีนจะประกาศให้เป็นกลุ่มชุมนุมผิดกฎหมายในปี 2538
เจ้าหน้าที่เสริมว่า หญิงแซ่อู๋ เหยื่อเคราะห์ร้ายซึ่งกำลังนั่งรอสามีอยู่ในร้านแม็คโดนัลด์ ปฏิเสธคำชักชวนเข้าร่วมกลุ่มฯ และไม่ยอมให้หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัว เป็นเหตุให้เกิดการโต้เถียงและถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตในที่สุด
อย่างไรก็ดี ญาติๆ ของนางอู๋ เฝ้าสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่มีใครช่วยเหลือเธอระหว่างที่เกิดเหตุร้ายขึ้น ด้านชาวเน็ตฯ ก็โหมวิพากษ์วิจารณ์พนักงานร้านและผู้อยู่ในเหตุการณ์ว่าเป็น “คนใจด้านชา” ทนเห็นเพื่อนมนุษย์ถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาได้ลงคอ
“เราพอเข้าใจว่าผู้คนย่อมหวาดกลัวและอีกอย่างเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นรวดเร็ว แต่อดคิดไม่ได้ว่าน่าจะมีพลเมืองดีสักคนกล้าทำอะไรบ้าง เพราะกลุ่มคนร้ายก็ไม่มีอาวุธใดๆ ติดตัวมาเลย” ญาติของนางอู๋กล่าว
“ลูกชายวัยห้าขวบของอู๋ยังไม่รู้ว่าอะไรขึ้นกับแม่ของเขา เราเองก็ไม่รู้ว่าจะปิดบังความจริงได้นานแค่ไหน”
ทว่าพนักงานร้านซึ่งเห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเผยว่า เขาพยายามห้ามแล้ว แต่ก็ถูกหนึ่งในคนร้ายชี้หน้าว่า “ใครก็ตามเข้ามายุ่งอาจตายได้ง่ายๆ”
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีโดยตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแก่คนร้าย 5 ราย ขณะที่คนร้ายคนที่หก ซึ่งเป็นเด็กชายอายุ 12 ปี จะถูกแยกออกไปพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ