เอเจนซี- นักดื่มไวน์ชาวจีนติดอันดับสองของโลกในการดื่มไวน์ราคาแพง และยังครองแชมป์ดื่มไวน์แดงมากที่สุดในโลกปี 2556 ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชี้แนวโน้มตลาดไวน์ในจีนยังโตได้อีก
รายงานที่แสดงในงานแสดงสินค้าไวน์ วินเอ็กโป (Vinexpo) ระบุ กลุ่มคอไวน์แผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ยินดีจ่ายค่าไวน์ต่อขวดในราคา 10 เหรียญสหรัฐหรือมากกว่านั้น ตามหลังแค่สหรัฐอเมริกา
ตลาดไวน์ในจีนขยายตัวในอัตราสูงด้วยตัวเลขสามหลัก โดยปัจจุบันจีนและฮ่องกงเป็นผู้บริโภคไวน์มากเป็นอันดับ 5 ของโลก และเมื่อปีที่แล้วก็ได้กลายเป็นตลาดไวน์แดงใหญ่ที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราการเติบโตของตลาดไวน์โดยรวมในจีน จะลดลงในปีสองปีข้างหน้า เนื่องจากตลาดถึงจุดอิ่มตัวขณะที่รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการปราบปรามการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
ขณะที่จีนและฮ่องกงนั้น เป็นผู้บริโภคไวน์มากเป็นอันดับ 5 ของโลกนั้น อัตราขยายตัวกลับชะลอลงเมื่อไม่นานมานี้ ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวตลาดไวน์จีน จะตกลงที่ 33.8 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2556-2560 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในปี 2551-2560 ทะยานไปถึง 134.3 เปอร์เซ็นต์
“เราไม่อาจคาดหวังได้ว่าตัวเลขการเติบโตจะแตะหลักร้อยอีก แต่เราหวังว่าตลาดจะยังคงเติบโตต่อไป” กีโยม เดอกลีส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารวินเอ็กโป กล่าว
เดอกลีสเห็นว่า นโยบายปราบสิ่งฟุ้งเฟ้อของรัฐบาลจีน ส่งผลให้การใช้จ่ายเงินของคนในประเทศชะลอตัวลงในช่วงปีที่ผ่านมา “ประชาชนกลัวกฎหมายและกฎข้อบังคับใหม่” เขากล่าว
กระนั้น อัตราการซื้อไวน์ราคาแพงในจีน ก็ทะยานสูงเกือบ 430 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างช่วงปี 2551-2555 และคาดกันว่าจะโตเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ในปี 2560 ซึ่งหมายความว่าจะมีการบริโภคไวน์กลุ่มดังกล่าวถึง 46 ล้านลังจากการค้าทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ารวม 183,000 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี
นอกจากนี้ มีความเปลี่ยนแปลงที่พลิกทัศนะเก่าในตลาดไวน์ ก็คือ จีนได้เบียดฝรั่งเศสขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของตลาดไวน์แดง โดยในปีที่แล้ว (2556) จีนบริโภคไวน์แดงไปมากถึง 155 ล้านลัง ส่วนคนฝรั่งเศสดื่มไป 150 ล้านลัง และคนอิตาเลียน 141 ล้านลัง รวมทั้งมีการคาดการณ์ว่าจีนจะรั้งตำแหน่งดังกล่าวไปได้ถึงปี 2560 ซึ่งจำนวนการบริโภคไวน์แดงในปีนั้นอาจมีมากถึง 207 ล้านลัง โดยไวน์ที่ชาวแดนมังกรดื่มนั้น เป็นไวน์แดงถึง 90 เปอร์เซ็นต์
เดอกลีส กล่าวว่า คนเชื่อกันว่าไวน์แดงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าไวน์ชนิดอื่น และสำหรับคนจีน สีแดงก็เป็นสีแห่งความโชคดี ส่วนสีขาวนั้นเป็นสีแห่งความตาย เพราะฉะนั้นตลาดไวน์แดงในจีนจึงเติบโตสูง แต่เขาก็คาดการณ์ว่า แนวโน้มอาจเปลี่ยนไปหากรสนิยมของตลาดกลุ่มนี้ถึงจุดอิ่มตัว ทั้งนี้ เพราะประเทศที่เพิ่งดื่มไวน์มีแนวโน้มเริ่มกันที่ไวน์แดงแล้วจึงค่อยหันไปหาไวน์ขาวและไวน์ชมพู หรือโรเซ่ไวน์
“จีนก็เหมือนญี่ปุ่นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่เริ่มต้นจากไวน์แดงแต่ตอนนี้ตลาดกลับโตเต็มที่ด้วยไวน์ขาว ไวน์ชมพู และสปาร์กลิงไวน์” เขากล่าวเพิ่มเติม
สำหรับฮ่องกง ตลาดไวน์กลุ่มราคา 5-10 เหรียญสหรัฐ คาดว่าจะโตเร็วกว่าตลาดไวน์กลุ่มราคา 10 เหรียญฯ ขึ้นไป เพียงเล็กน้อย ส่วนตลาดไวน์กลุ่มราคาต่ำกว่า 5 เหรียญฯ คาดว่าจะหดตัวลงถึง 29 เปอร์เซ็นต์
อนึ่ง จีนยังคงนำเข้าไวน์จากแหล่งผู้ผลิตชั้นนำอย่างฝรั่งเศสและออสเตรเลียอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกจากอิตาลีเพิ่มขึ้นถึง 132 เปอร์เซ็นต์ อเมริกา เพิ่ม 79.5 เปอร์เซ็นต์ และ สเปน เพิ่มขึ้น 58 เปอร์เซ็นต์ ในระหว่างช่วงปี 2551- 2555
รายงานที่แสดงในงานแสดงสินค้าไวน์ วินเอ็กโป (Vinexpo) ระบุ กลุ่มคอไวน์แผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ยินดีจ่ายค่าไวน์ต่อขวดในราคา 10 เหรียญสหรัฐหรือมากกว่านั้น ตามหลังแค่สหรัฐอเมริกา
ตลาดไวน์ในจีนขยายตัวในอัตราสูงด้วยตัวเลขสามหลัก โดยปัจจุบันจีนและฮ่องกงเป็นผู้บริโภคไวน์มากเป็นอันดับ 5 ของโลก และเมื่อปีที่แล้วก็ได้กลายเป็นตลาดไวน์แดงใหญ่ที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราการเติบโตของตลาดไวน์โดยรวมในจีน จะลดลงในปีสองปีข้างหน้า เนื่องจากตลาดถึงจุดอิ่มตัวขณะที่รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการปราบปรามการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
ขณะที่จีนและฮ่องกงนั้น เป็นผู้บริโภคไวน์มากเป็นอันดับ 5 ของโลกนั้น อัตราขยายตัวกลับชะลอลงเมื่อไม่นานมานี้ ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวตลาดไวน์จีน จะตกลงที่ 33.8 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2556-2560 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในปี 2551-2560 ทะยานไปถึง 134.3 เปอร์เซ็นต์
“เราไม่อาจคาดหวังได้ว่าตัวเลขการเติบโตจะแตะหลักร้อยอีก แต่เราหวังว่าตลาดจะยังคงเติบโตต่อไป” กีโยม เดอกลีส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารวินเอ็กโป กล่าว
เดอกลีสเห็นว่า นโยบายปราบสิ่งฟุ้งเฟ้อของรัฐบาลจีน ส่งผลให้การใช้จ่ายเงินของคนในประเทศชะลอตัวลงในช่วงปีที่ผ่านมา “ประชาชนกลัวกฎหมายและกฎข้อบังคับใหม่” เขากล่าว
กระนั้น อัตราการซื้อไวน์ราคาแพงในจีน ก็ทะยานสูงเกือบ 430 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างช่วงปี 2551-2555 และคาดกันว่าจะโตเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ในปี 2560 ซึ่งหมายความว่าจะมีการบริโภคไวน์กลุ่มดังกล่าวถึง 46 ล้านลังจากการค้าทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ารวม 183,000 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี
นอกจากนี้ มีความเปลี่ยนแปลงที่พลิกทัศนะเก่าในตลาดไวน์ ก็คือ จีนได้เบียดฝรั่งเศสขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของตลาดไวน์แดง โดยในปีที่แล้ว (2556) จีนบริโภคไวน์แดงไปมากถึง 155 ล้านลัง ส่วนคนฝรั่งเศสดื่มไป 150 ล้านลัง และคนอิตาเลียน 141 ล้านลัง รวมทั้งมีการคาดการณ์ว่าจีนจะรั้งตำแหน่งดังกล่าวไปได้ถึงปี 2560 ซึ่งจำนวนการบริโภคไวน์แดงในปีนั้นอาจมีมากถึง 207 ล้านลัง โดยไวน์ที่ชาวแดนมังกรดื่มนั้น เป็นไวน์แดงถึง 90 เปอร์เซ็นต์
เดอกลีส กล่าวว่า คนเชื่อกันว่าไวน์แดงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าไวน์ชนิดอื่น และสำหรับคนจีน สีแดงก็เป็นสีแห่งความโชคดี ส่วนสีขาวนั้นเป็นสีแห่งความตาย เพราะฉะนั้นตลาดไวน์แดงในจีนจึงเติบโตสูง แต่เขาก็คาดการณ์ว่า แนวโน้มอาจเปลี่ยนไปหากรสนิยมของตลาดกลุ่มนี้ถึงจุดอิ่มตัว ทั้งนี้ เพราะประเทศที่เพิ่งดื่มไวน์มีแนวโน้มเริ่มกันที่ไวน์แดงแล้วจึงค่อยหันไปหาไวน์ขาวและไวน์ชมพู หรือโรเซ่ไวน์
“จีนก็เหมือนญี่ปุ่นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่เริ่มต้นจากไวน์แดงแต่ตอนนี้ตลาดกลับโตเต็มที่ด้วยไวน์ขาว ไวน์ชมพู และสปาร์กลิงไวน์” เขากล่าวเพิ่มเติม
สำหรับฮ่องกง ตลาดไวน์กลุ่มราคา 5-10 เหรียญสหรัฐ คาดว่าจะโตเร็วกว่าตลาดไวน์กลุ่มราคา 10 เหรียญฯ ขึ้นไป เพียงเล็กน้อย ส่วนตลาดไวน์กลุ่มราคาต่ำกว่า 5 เหรียญฯ คาดว่าจะหดตัวลงถึง 29 เปอร์เซ็นต์
อนึ่ง จีนยังคงนำเข้าไวน์จากแหล่งผู้ผลิตชั้นนำอย่างฝรั่งเศสและออสเตรเลียอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกจากอิตาลีเพิ่มขึ้นถึง 132 เปอร์เซ็นต์ อเมริกา เพิ่ม 79.5 เปอร์เซ็นต์ และ สเปน เพิ่มขึ้น 58 เปอร์เซ็นต์ ในระหว่างช่วงปี 2551- 2555