ศาลจีนสั่งประหาร ‘นศ.แพทย์’ ม.ดัง วางยาพิษปลิดชีพเพื่อนร่วมห้อง

เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - ศาลเซี่ยงไฮ้สั่งประหารอดีตนักศึกษาแพทย์ ม.ฟู่ตั้น หลังสังหารรูมเมทด้วย “ยาพิษ” ไร้กลิ่น ไร้สีในน้ำดื่มของหอพัก

รายงานข่าว (19 ก.พ.) อ้างแถลงการณ์ของศาลประชาชนจีนในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีคำสั่งตัดสินประหารชีวิตนายหลิน เซินเหา หลังพบว่ามีความผิดจริงฐานก่อเหตุฆาตกรรมนายหวง หยัง เพื่อนร่วมห้องพักมหาวิทยาลัยด้วยการ ‘วางยาพิษ’ ในตู้กดน้ำดื่มเมื่อช่วงต้นปี 2556 โดยนายหลินและนายหวงต่างเป็นนักศึกษาแพทย์ที่กำลังศึกษาอยู่ในวิทยาลัยการแพทย์ มหาวิทยาลัยฟู่ตั้นของมหานครเซี่ยงไฮ้

นายหวง หยัง รูมเมทของหลิน ล้มป่วยลงด้วยอาการไข้สูงและอาเจียนไม่หยุด หลังดื่มน้ำปนเปื้อสารพิษเข้าไป โดยสุดท้ายเขาเสียชีวิตด้วยภาวะอวัยวะภายในล้มเหลวหลังรักษาตัวได้ 2 สัปดาห์

ศาลฯ ระบุว่า หลิน วัย 27 ปี เลือกปกปิดสาเหตุอาการป่วยของเพื่อนเมื่อเจ้าหน้าที่ซักถาม ปล่อยให้นายหวงต่อสู้ยื้อชีวิตตัวเองอยู่ในโรงพยาบาล ทว่าเขาก็รับสารภาพและถูกคุมขังในเดือน เม.ย. โดยสารพิษที่หลินใช้ก่อเหตุคือ เอ็น-ไนโตรโซไดเมทธีลามีน (N-nitrosodimethylamine) ซึ่งเป็นสารเคมีไร้สี ไร้กลิ่น และละลายน้ำได้ดี หากรับประทานเข้าไปจะทำลายตับอย่างรุนแรง

“ก่อเหตุด้วยความตั้งใจ ใช้วิธีการอันโหดเหี้ยม ไร้ความปราณี ซึ่งอาจส่งผลเสียหายและอันตรายเป็นวงกว้าง” แถลงการณ์ของศาลฯ ชี้แจง

ไชน่า นิวส์ เซอร์วิส อ้างคำกล่าวของหลินระหว่างการพิจารณาคดีก่อนหน้านี้ว่า “เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงมุกตลกที่เล่นกันในวันที่ 1 เม.ย. ทุกปีตามประเพณีนิยมของชาวตะวันตกเท่านั้น”

ทั้งนี้ หลินและหวงเข้าศึกษาที่วิทยาลัยแพทย์ตั้งแต่ปี 2553 โดยก่อนเกิดเหตุสลดสองสามวัน หวงได้รับการยืนยันให้เข้าศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา แต่หลินจำต้องหยุดการศึกษาต่อลงเพราะเหตุผลส่วนตัว

“ผมไม่แปลกใจกับคำตัดสิน” เจียง ฉินหง หนึ่งในทนายของหลินกล่าว

“เราคาดหวังได้เพียงโทษประหารรอลงอาญา เพราะมันเป็นคดีฆาตกรรมโดยเจตนา แต่ครอบครัวหลินยืนกรานว่าเขาบริสุทธิ์ และไม่ต้องการกล่าวขอโทษหรือเสนอค่าชดเชยใดๆ ต่อครอบครัวเหยื่อผู้เสียชีวิต ซึ่งทำให้การรอลงอาญากลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” ทนายเจียงเผย ทว่าบิดาของหลินกล่าวกับนักข่าวว่าจะดำเนินการอุทธรณ์โทษประหารชีวิตต่อไป

อย่างไรก็ดี หลินได้เอ่ยคำขอโทษต่อครอบครัวของหวง ซึ่งเดินทางมาจากเมืองจื้อกง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) เพื่อร่วมรับฟังการพิจารณาคดีในเดือน พ.ย. 2556

“ผมรู้สึกผิดมากและพร้อมยอมรับทุกคำตัดสินจากศาล”