เลี่ยอี้ว์โค่วแสดงฝีมือการยิงธนูแก่ปั๋วฮุนอู๋เหริน เขาดึงคันศรสุดล้า วางถ้วยน้ำไว้บนข้อศอก จากนั้นจึงปล่อยลูกธนูออกไป ในพริบตาที่ลูกธนูพ้นนิ้วหัวแม่โป้งของเขา ลูกศรดอกที่สองก็วางพร้อมอยู่บนคันธนู ระหว่างที่ยิงธนูนั้นเขายืนนิ่งราวกับรูปปั้น ปั๋วฮุนอู๋เหรินเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือการยิงธนูของนักแม่นธนูที่มีตัวตน ไม่ใช่การยิงธนูของนักแม่นธนูที่ไร้ตัวตน มาสิ จงขึ้นเขามากับข้า ปีนป่ายหน้าผาชันสู่ขอบเหวลึกแปดร้อยศอก จากนั้นมาดูฝีมือการยิงธนูของท่าน” จากนั้น พวกเขาก็ปีนป่ายภูผาสูงชัน สู่หน้าผาที่ดิ่งลึกลงไปแปดร้อยศอก ปั๋วฮุนอู๋เหรินได้หันหลังให้กับหน้าผา เดินถอยหลังจนส้นเท้าของเขายื่นออกนอกขอบผา โค้งคำนับให้แก่เลี่ยอี้ว์โค่วและเชื้อเชิญให้เขาเดินเข้ามาหา แต่เลี่ยอี้ว์โค่วกลับตัวสั่นงันงกทรุดลงกับพื้น เหงื่อไหลอาบร่างชโลมถึงส้นเท้า ปั๋วฮุนอู๋เหรินกล่าวว่า “มนุษย์ที่แท้อาจจ้องมองฟากฟ้าสีครามเบื้องบน หรือดำดิ่งสู่น้ำพุเหลืองเบื้องล่าง ท่องไปจนจบแดนดินทั้งแปดทิศ กระนั้นก็ยังคงนิ่งเฉย แต่ ณ ที่นี้ท่านก็เกิดความหวั่นกลัวลนลาน นัยน์ตาพร่ามัว หากท่านยิงธนูในตอนนี้ ท่านก็จะประสบหายนะ”
แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子)